คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในสำนวนคดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยกับ ต. ว่าร่วมกันกระทำความผิด ต.รับสารภาพศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่และพิพากษาลงโทษ ต. ไปในคดีเดิมในคดีใหม่นี้บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาด้วย ต.เป็นจำเลยในคดีสำนวนอื่นซึ่งศาลมิได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ จึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึง ต. ด้วย

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองนี้หาว่าร่วมกระทำผิดกับนายตี๋หรือสมศักดิ์ ไข่พิลาป นายตี๋หรือสมศักดิ์ ไขพิลาป ให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนายตี๋หรือสมศักดิ์ ไข่พิลาป ไปแล้ว และสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยทั้งสองนี้ซึ่งให้การปฏิเสธ โดยฟ้องว่าเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2513 เวลา 19.00 นาฬิกา จำเลยทั้งสองนี้กับนายตี๋หรือสมศักดิ์ ไขพิลาป ร่วมฉุดคร่าพานางระเบียบ นางสาวติ๋วนางสาวติ๋ม ไปเพื่อการอนาจาร และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสาม เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 278, 281, 284, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วไม่เชื่อว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ฟังว่าผู้เสียหายยินยอมสมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อว่าจำเลยจะเป็นผู้ฉุดคร่าผู้เสียหายไปกระทำชำเรา และฟังว่าผู้เสียหายเป็นหญิงโสเภณีรับจ้างกระทำชำเรากับชาย แต่ผิดใจเรื่องค่าจ้างทำชำเรากับจำเลย คดีไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสอง และเห็นว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี พิพากษายกฟ้องโจทก์ตลอดไปถึงนายตี๋หรือสมศักดิ์จำเลยด้วย

โจทก์ฎีกาขอให้แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับนายตี๋หรือสมศักดิ์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นได้สั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับนายแดงและนายหมัดหรือมัดจำเลยที่ปฏิเสธ ให้โจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่คดีสำนวนเดิมจึงเหลือแต่นายตี๋หรือสมศักดิ์จำเลยผู้รับสารภาพซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนนายแดงและนายหมัดหรือมัดนั้น โจทก์ได้ฟ้องเป็นคดีใหม่คือคดีที่มีปัญหามาสู่ศาลฎีกานี้ จะเห็นได้ว่าคดีสำนวนนี้ผู้มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมได้แก่คู่ความในคดีนี้เท่านั้น บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาคดีนี้ด้วยได้ นายตี๋หรือสมศักดิ์เป็นจำเลยในสำนวนคดีอื่นจึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยในคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยในคดีทีแยกพิจารณาพิพากษาต่างหากจากคดีนี้ด้วย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยในคดีนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share