แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามสัญญาจ้างทำของระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีสาระสำคัญว่าจำเลยที่ 1 ผู้รับจ้างจะต้องทำการตัดฟันชักลากไม้กระยาเลยออกจากป่าไปรวมหมอน ณ สถานที่กำหนดและมีหน้าที่ดูแล รักษาไม้ดังกล่าวมิให้เสียหายหรือสูญหาย จนกว่าจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบไม้ให้โจทก์โดยได้มีการตรวจตีตราค่าภาคหลวงและโจทก์ได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 แล้ว ถ้า เกิดการเสียหายหรือสูญหายไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆโจทก์มีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ตามจำนวนไม้ที่เสียหายหรือสูญหายเมื่อไม้ที่รวมหมอนไว้ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแล รักษาได้สูญหายไปในระหว่างที่จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแล รักษา โจทก์จึงมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ได้ตามสัญญา.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ตัดฟันไม้กระยาเลยจากป่า แล้วชักลากไปรวมหมอน ณ ริมทางสายไฟฟ้าแรงสูง ภายใน 120 วันนับจากวันทำสัญญาและให้จำเลยที่ 1 ดูแลรักษาไม้ดังกล่าวมิให้สูญหายจนกว่าจะส่งมอบให้โจทก์และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าจ้างแก่จำเลยที่ 1แล้วหากไม้ดังกล่าวสูญหายไปว่าด้วยประการใด ๆ โจทก์มีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ตามจำนวนไม้ที่สูญหาย จำเลยที่ 2 ผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ จำเลยที่ 2 จะชำระแทนเป็นเงินไม่เกิน 28,000 บาท โดยมิพักต้องฟ้องจำเลยที่ 1 ก่อน หลังทำสัญญาแล้วจำเลยที่ 1 ได้ตัดฟันและชักลากไม้กระยาเลย จำนวน 1,000 ท่อนไปรวมหมอน ณ ที่กำหนดตามสัญญาแล้วระหว่างที่จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลรักษาไม้ดังกล่าวไว้ตามสัญญามิให้สูยหายนั้น ลูกจ้างของโจทก์ตรวจพบว่าไม้จำนวนดังกล่าวสูญหายไปทั้งหมด ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถขายไม้แก่บุคคลภายนอกได้ โจทก์จึงปรับจำเลยที่ 1ตามสัญญา โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าปรับแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าปรับรวม563,086.40 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 28,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาจ้างครบถ้วนแล้วไม่ได้ผิดสัญญาจ้าง จำเลยที่ 2 จึงหมดภาระตามสัญญาค้ำประกันฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่า จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้วพิพากษากลับให้จำเลยที่ 1ชำระเงินค่าปรับ 563,086.40 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 28,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ได้ตัดฟันชักลากไม้ไปรวมหมอนภายใน 120 วัน นับจากวันทำสัญยาเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตไปทำการตรวจวัดประทับตราค่าภาคหลวงบนไม้และชำระค่าภาคหลวงแล้ว โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ดังนั้นภาระการดูแลรักษาไม้จนกว่าจะถึงเวลาจ่ายค่าจ้างจึงสิ้นสุดลง เมื่อได้มีการตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาก่อนที่ไม้จะสูญหายไป จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้โดยจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งมีข้อสัญญาดังนี้ ข้อ 1 ผู้ว่าจ้างตกลงจ้างและผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำการตัดฟันชักลากไม้กระยาเลยจากป่า…จำนวน 1,000 ท่อน ไปรวมหมอน ณ ริมทางสายไฟแรงสูงสาย 230 เค.วี.พิษณุโลก-หล่มสัก ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว กิ่งอำเภอน้ำหนาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ข้อ 3.3 ผู้รับจ้างจะต้อง…ชักลากไม้ตามข้อ 1. ไปรวมหมอนยังสถานที่ระบุไว้ในข้อ 1 วรรค 1 ให้แล้วเสร็จภายใน 120วัน นับจากวันทำสัญญา ข้อ 13 ไม้ต้นใด ท่อนใด ที่ผู้รับจ้างได้ลงมือทำจนกว่าผู้ว่าจ้างจะได้จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างตามข้อ 16 ผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องดูแลรักษาไว้ให้อย่างดี มิให้เกิดการเสียหาย สูญหาย…ถ้าเกิดการเสียหายสูญหาย ไม่ว่าด้วยประการใดก็ตามผู้ว่าจ้างมีสิทธิปรับผู้รับจ้างตามจำนวนไม้เสียหายหรือสูญหาย…ข้อ 16 สำหรับไม้ซุงที่ผู้รับจ้างนำส่งต่อผู้ว่าจ้างและผู้ว่าจ้างรับเอาผู้ว่าจ้างยอมคิดค่าจ้างให้ดังนี้ 16.1 ในกรณีที่ไม่มีการขายคืนไม้ให้แก่ผู้รับจ้าง เมื่อผู้รับจ้างได้นำไม้มาส่งมอบให้ผู้ว่าจ้างตามข้อ 3.3 และได้ตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงแล้วผู้ว่าจ้างจะจ่ายให้ในอัตรา… จึงสรุปได้ว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ปฏิบัติตามสัญญาดังนี้คือ ดูแลรักษาไม้ที่นำมารวมหมอนไว้แล้วมิให้สูญหายไปไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ จนกว่าโจทก์จะได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 กล่าวคือ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบไม้ให้โจทก์โดยได้มีการตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่าไม้ที่รวมหมอนไว้ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลรักษาได้สูญหายไปโดยจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ส่งมอบให้โจทก์ด้วยการทำบันทึกการส่งมอบตามวิธีการที่เคยปฏิบัติต่อกัน และโจทก์ยังไม่ได้จ่ายค่าจ้างแก่จำเลยที่ 1 อันแสดงว่าไม้ของโจทก์ได้สูญหายไปในระหว่างที่จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลรักษา โจทก์จึงมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1ได้ตามสัญญา ส่วนข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากคำพยานฝ่ายโจทก์ว่า หลังจากจำเลยที่ 1 ชักลากไม้ไปรวมหมอนไว้ ณ ที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้วนายไพศาล หัวหน้างานทำไม้ของโจทก์ได้ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตมาทำการตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงและชำระค่าภาคหลวงแล้วนั้นเป็นการกระทำของนายไพศาลฝ่ายเดียวเพื่อทราบปริมาตรไม้ในการนำไปประกาศประมูลขายจำเลยที่ 1 มิได้กระทำการสิ่งใดอันเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบไม้ให้แก่โจทก์หรือนายไพศาลหัวหน้าทำไม้ของโจทก์จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบไม้ให้โจทก์โดยได้มีการตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงอันเป็นการปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาดังที่จำเลยที่ 1อ้างมาในฎีกา จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดชำระเงินค่าปรับแก่โจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.