คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10316/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.รัษฎากร มาตรา 82/3 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 82/7 มาตรา 82/8 และมาตรา 82/16 ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี” แม้บทบัญญัตินี้จะใช้คำว่า “ผู้ประกอบการ” มิได้ใช้คำว่า “ผู้ประกอบการจดทะเบียน” แต่เมื่อภาษีขายหมายถึงภาษีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามที่บัญญัติไว้ใน ป.รัษฎากร มาตรา 77/1 (17) และมาตรา 82/4 วรรคสาม และภาษีซื้อหมายถึงภาษีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บตามที่บัญญัติไว้ใน ป.รัษฎากร มาตรา 77/1 (18) และมาตรา 82/4 วรรคสี่ คำว่า “ผู้ประกอบการ” ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 82/3 วรรคหนึ่ง จึงหมายถึงผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้ประกอบการที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจึงไม่อาจเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ เมื่อโจทก์จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มวันที่ 10 ตุลาคม 2545 โจทก์จึงไม่มีสิทธินำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากคำว่า “ผู้ประกอบการ” นั้นหมายถึงผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและรวมถึงผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ดังนั้น แม้ในระหว่างที่โจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโจทก์ก็ย่อมมีสิทธินำภาษีซื้ออันไม่ต้องห้ามตามกฎหมายมาหักออกจากภาษีขายได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ประเมินเรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่มจากการที่โจทก์นำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาคำนวณจึงเป็นการเพิ่มโทษให้โจทก์ต้องรับภาระภาษีเกินสมควรโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้แต่อย่างใด ขอให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินกับมีคำสั่งให้โจทก์มีสิทธินำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนภาษีมีนาคมถึงเดือนภาษีกันยายน 2545 มาหักออกจากภาษีขายนช่วงเดือนภาษีดังกล่าวได้
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การร่วมกันว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2545 แต่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ในเดือนภาษีมีนาคมถึงเดือนภาษีกันยายน 2545 โดยแสดงยอดขาย ภาษีขาย ยอดซื้อ และภาษีซื้อที่เกิดขึ้นในระหว่างที่โจทก์ยังไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งโจทก์ไม่สามารถนำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขายได้ เพราะไม่ถือเป็นภาษีซื้อตามประมวลรัษฎากร เมื่อโจทก์นำภาษีซื้อดังกล่าวมาหักออกจากภาษีขายจึงเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้น การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด และโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดีโดยขาดนัดภายในสิบห้าวันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง ศาลภาษีอากรกลางจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 จากสารบบความ
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/3 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 82/7 มาตรา 82/8 และมาตรา 82/16 ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี” แม้บทบัญญัตินี้จะใช้คำว่า “ผู้ประกอบการ” มิได้ใช้คำว่า “ผู้ประกอบการจดทะเบียน” แต่เมื่อภาษีขายหมายถึงภาษีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 77/1 (17) และมาตรา 82/4 วรรคสาม และภาษีซื้อหมายถึงภาษีที่ผู้ประกอบการจะทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่นเรียกเก็บตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 77/1 (18) และมาตรา 82/4 วรรคสี่ คำว่า “ผู้ประกอบการ” ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 82/3 วรรคหนึ่ง จึงหมายถึงผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้ประกอบการที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจึงไม่อาจเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี เมื่อโจทก์จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มวันที่ 10 ตุลาคม 2545 โจทก์จึงไม่มีสิทธินำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนภาษีมีนาคมถึงเดือนภาษีกันยายน 2545 ก่อนที่โจทก์จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share