คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด โดยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ว่าจำเลยจะยิงตอนที่ผู้เสียหายดูโทรทัศน์ห่างประมาณ1 เมตร หรือยิงตอนผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปห่างประมาณ 4 เมตรหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว คงยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาดเพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น การที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาบ้านแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายมิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 ไว้ด้วย แต่โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดของมาตรา 376 ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกและกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตและพาไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 92, 288, 371, 376พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบของกลางจำเลยให้การรับสารภาพ แต่ปฏิเสธข้อหาพยายามฆ่า และรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371, 376พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ จำเลยอายุ17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 ความผิดตามมาตรา 288, 80และ 376 เป็นกรรมเดียว ลงโทษตามมาตรา 288, 80 บทหนัก จำคุก6 ปี ฐานมีอาวุธปืนตามมาตรา 72 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนตามมาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 ทวิวรรคสองเป็นกรรมเดียว ลงโทษตามมาตรา 72 ทวิวรรคสองบทหนัก จำคุก 3 เดือนรวมเป็นจำคุก 6 ปี 9 เดือน เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามมาตรา 92เป็นจำคุก 9 ปี ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ลงโทษข้อหามีและพาอาวุธปืนจำคุก 9 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78จำคุก 4 เดือน 15 วัน โดยไม่เพิ่มโทษ นอกจากแก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยกับพวกประมาณ 5 คน ได้เดินผ่านบ้านนางฉลวย จำเลยเห็นผู้เสียหายกับพวกกำลังดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเดินเข้าไปแล้วชักปืนลูกซองสั้นออกจากเอวผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปหลังบ้าน จำเลยจึงยิงปืนไป 1 นัดกระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหายแต่ไปถูกหลังคา ปรากฏตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุและแผนที่สังเขป เอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานพยายามฆ่านายนพพรมั่งมีศรี ผู้เสียหาย ดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความว่า เมื่อจำเลยอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 1 เมตร จำเลยได้ชักปืนออกจากเอว ต่อมาอีก 1 นาที ก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดนายสมพร เกตุแก้ว พยานโจทก์เบิกความว่า เห็นจำเลยถืออาวุธปืนสองมือจ้องปืนและยิงไปทางผู้เสียหาย 1 นัด นายสาคร นาคเสนพยานโจทก์เบิกความว่า เห็นจำเลยถืออาวุธปืนสองมือเล็งไปทางผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปประมาณ 4 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เห็นว่า ตามคำพยานโจทก์ดังกล่าว หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว จำเลยคงจะยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาด ไม่ว่าจะยิงตอนที่ผู้เสียหายกำลังดูโทรทัศน์อยู่หรือตอนลุกขึ้นวิ่งหนี เพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นและจำเลยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง โดยไม่ต้องคำนึงว่ากระสุนปืนจะถูกบุคคลอื่นหรือไม่ แต่การที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหาย ประกอบกับจำเลยกับผู้เสียหายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่ากัน หากจำเลยคิดจะฆ่าผู้เสียหายก็อาจจะลอบฆ่าในโอกาสอื่นที่ดีกว่านี้ได้ เช่นในเวลากลางคืนหรือในเวลาที่ปลอดคน แทนที่จะฆ่าในเวลากลางวันที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเช่นนั้น ดูเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายข้อเท็จจริงน่าเชื่อตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยยิงอาวุธปืนขึ้นฟ้ามิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าจึงฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 มาด้วยนั้นเห็นว่า โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดดังกล่าว แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุให้ลงโทษมาด้วย ศาลก็จะพิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคแรก ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้”
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share