แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ก่อนครบกำหนดยื่นฎีกาทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องนี้ในวันรุ่งขึ้นแต่ยังอยู่ในระยะเวลายื่นฎีกาว่า อนุญาตให้ขยายได้ 7 วันนับแต่วันสุดท้าย ดังนี้ แม้จะถือไม่ได้ว่าโจทก์ทราบคำสั่งแต่ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องขวนขวายให้ทราบก่อนครบกำหนดยื่นฎีกาว่าศาลอนุญาตให้ขยายเวลาหรือไม่เพียงใด โจทก์กลับเพิกเฉยและยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาต การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาให้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังในวันที่ 29 มิถุนายน 2530 ครบกำหนดยื่นฎีกาในวันที่ 29กรกฎาคม 2530 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2530ขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 29กรกฎาคม 2530 ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2530 โดยได้หมายเหตุในคำร้องว่า ผู้ร้อง (โจทก์) รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วโดยได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่น แต่ไม่ได้มอบฉันทะให้ฟังคำสั่งศาลด้วย ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องในวันรุ่งขึ้น อนุญาตให้ขยายได้ 7 วัน นับแต่วันสุดท้าย (วันที่ 29 กรกฎาคม 2530) ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 5 สิงหาคม 2530 แม้จะยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องขวนขวายติดตามทราบคำสั่งศาลว่าจะอนุญาตให้ขยายเวลาตามคำร้องหรือไม่เพียงใดก่อนที่จะครบกำหนดฎีกา โจทก์กลับเพิกเฉย เพิ่งนำฎีกามายื่นในวันที่ 11สิงหาคม 2530 และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัย เป็นการยื่นเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาต แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาให้”
พิพากษายกฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้โจทก์ ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ