แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญากันนอกศาลว่าคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้นถ้าศาลอุทธรณ์ให้จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้นชะนะจำเลยจะคืนค่าเสียหายและค่าธรรมเนียมค่าทนายให้โจทก์ ถ้าโจทก์ชะนะโจทก์จะไม่เรียกเอาอะไรแก่จำเลยดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมกันโดยชอบด้วยกฎหมาย บังคับกันตามสัญญานี้ได้
พฤตติการณ์ที่ถือว่ากรณีไม่เข้าในลักษณะตราลาการบทที่ 93
ย่อยาว
เดิมจำเลยฟ้องโจทก์ ๓ สำนวน คือคดีดำที่ ๔/๒๔๘๒ เรื่องตัดฟันต้นไม้ในที่ดินของจำเลย คดีดำที่ ๑-๒/๒๔๘๓ เรื่องบุกรุกที่ดิน คดี ๒ สำนวนหลังนี้คู่ความได้ยอมความกัน โดยโจทก์ยอมรับซื้อที่ดินของจำเลยทั้ง ๒ แปลง แล้วทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันที่อำเภอ และจำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ไว้ว่า คดีดำที่ ๔/๒๔๘๓ ซึ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์นั้น ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชะนะ เงินค่าเสียค่าธรรมเนียมและค่าทนายซึ่งโจทก์จะต้องใช้ให้แก่จำเลยเท่าใด จำเลยยอมคืนให้โจทก์ทั้งสิ้น แต่ถ้าโจทก์ชะนะโจทก์ไม่เรียกร้องค่าทนายค่าธรรมเนียมจากจำเลย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชะนะคดีในคดีดำที่ ๔/๒๔๘๒ จำเลยรับเงินค่าเสียหายและค่าธรรมเนียมค่าทนายที่โจทก์วางไว้ไม่คืนให้โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงินคืนในคดีนี้
ศาลจังหวัดตะกั่วป่าว่าสัญญารายนี้คู่ความทำยอมกันนอกศาล ขัดต่อลักษณะตระลาการบทที่ ๙๓ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญารายนี้เป็นสัญญาปรานีประนอมยอมความตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๘๕๐ ส่วนลักษณะตระลาการนั้น ถูกยกเลิกโดยประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๘๕๐,๘๕๑,๘๕๒ นี้แล้ว จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสัญญารายนี้เป็นสัญญาปราณี ประนอมยอมความตามมาตรา ๘๕๐ และไม่ใช่ยอมความกันเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาตามลักษณะตระลาการบทที่ ๙๓ จึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าลักษณะตระลาการบทนี้ยกเลิกแล้วหรือยัง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์