คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถึงแม้จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็มีอำนาจสอบถามข้อเท็จจริงจากโจทก์จำเลยได้ การทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บในเวลาวิวาทต่อสู้กันนั้นไม่เป็นผิดตาม มาตรา 338(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางถนอมบังอาจทำร้ายนางอุไรบาดเจ็บ ๓ แห่ง นางอุไรบังอาจทำร้ายนางถนอมบาดเจ็บ ๒ แห่ง ขอให้ลงโทษจำเลยให้การรับตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสอบโจทก์จำเลยได้ความต่อไปว่าจำเลยต่างทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในขณะเวลาเดียวกัน และเห็นว่าบาดแผลของจำเลยไม่ถึงลักษณะบาดเจ็บ ที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่ที่สาธารณสถาน จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๓๘ (๓) ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบโจทก์จำเลยอีก และแม้ตามที่สอบได้ความว่าจำเลยต่างทำร้ายร่างหายซึ่งกันและกันในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีถ้อยคำใดแสดงว่าในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีถ้อยคำใดแสดงว่าเป็นการสมัครใจวิวาทการกระทำของแต่ละฝ่ายจึงเป็นการบังอาจตามความในมาตรา ๓๓๘ (๓) กฎหมายลักษณอาญา จึงพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย โดยปรับคนละ ๔ บาท แต่ผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา ๓๓๘ (๓) ควรพิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์และคำแถลงรับของโจทก์จำเลยได้ความชัดว่าจำเลยต่างวิวาทกัน จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา ๓๓๘(๓) พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้น

Share