คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใดยอมให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อเกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้โจทก์ยินยอมรับไว้โดยไม่ทักท้วงแสดงว่าโจทก์ไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญหากโจทก์ประสงค์จะเลิกสัญญาจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ก่อน หนังสือเตือนให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ไม่ถือเป็นหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ 1, ที่ 2 ให้การว่าหลังจากผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อแล้วโจทก์ยังยอมรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้ออีก แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาที่จะเลิกสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญจึงเป็นการวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 1, ที่ 2ให้การหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ซูซูกิกระบะไปจากโจทก์ ชำระค่าเช่าซื้องวดละ 3,835 บาท ภายในวันที่19 ของทุกเดือน โดยมีจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 10เพียง 1,365 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ มิฉะนั้นให้ใช้ราคารถแทน และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า วันที่ 25 พฤษภาคม 2531จำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 9 และงวดที่ 10 ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 2,420 บาท และเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2531 จำเลยที่ 1ได้ชำระค่าเช่าซื้อและดอกเบี้ยเป็นเงิน 5,000 บาท โจทก์ยอมรับเงินจำนวนดังกล่าว แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาที่จะเลิกสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่า “ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใดหรือกระทำผิดสัญญาอย่างหนึ่งอย่างใด ฯลฯ ยอมให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันทันทีโดยมิต้องมีการบอกกล่าวก่อน ฯลฯ” ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1ได้ชำระค่าเช่าซื้อในวันที่ 10 มีนาคม 2531 จำนวน 5,000 บาทและชำระค่าเช่าซื้อสำหรับงวดที่ 9 และงวดที่ 10 ในวันที่ 25พฤษภาคม 2531 เกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเกือบ 1 ปีโจทก์ยินยอมรับไว้โดยมิได้ทักท้วง ตามพฤติการณ์แสดงว่าในทางปฏิบัติคู่สัญญาไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญดังนี้เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดในสัญญาจะถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัดผิดสัญญาและสัญญาเช่าซื้อเลิกกันไม่ได้หากโจทก์ประสงค์จะเลิกสัญญาโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1ชำระค่าเช่าซื้อภายในกำหนดเวลาที่สมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เสียก่อน หนังสือเตือนให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนไม่ถือว่าเป็นหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ไม่มีผลให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังไม่เลิกกัน เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้นเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้การว่า หลังจากผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อแล้วโจทก์ยังยอมรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้ออีก แสดงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาที่จะเลิกสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นการวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 1ให้การนั่นเองหาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่
พิพากษายืน

Share