แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 4 มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเกินกว่าส่วนที่ควรจะได้ ดังนี้ ไม่ใช่คำพิพากษาแสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ว่าโจทก์เป็นผู้จะซื้อที่ดินแปลงนั้นจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็ตาม คำพิพากษาตามยอมบังคับโจทก์ไม่ได้ และไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมระหว่าง จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และจำเลยที่ ๔ ที่จำเลยที้งสี่ร่วมกันทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับตามสัญญาจะซื้อขาย
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยสุจริต โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อขาย โจทก์ไม่เสียหาย และจำเลยที่ ๓ มิได้เกี่ยวข้องกับสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ทำสัญญาจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๔๒ ที่มีชื่อ ส. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมแก่โจทก์ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นผู้รับมรดกของ ส. จำเลยที่ ๔ ได้ฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลให้จำเลยที่ ๔ ได้รับที่ดินมากขึ้น จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้รับที่ดินน้อยกว่าที่ตนมีสิทธิ ที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ฎีกาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบและเสียหายที่จะบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์นั้นเห็นว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ จะบังคับเอาที่ดินจากจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่เต็มตามส่วนที่ควรจะได้ ย่อมเสียเปรียบและได้รับความเสียหาย โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ผู้เป็นลูกหนี้ได้กระทำลง ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบนั้นได้ แต่โจทก์เป็นบุคคลภายนอกจะฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของคู่ความอื่นในคดีซึ่งถึงที่สุดแล้วไม่ได้ ทั้งสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยอมให้จำเลยที่ ๔ มีกรรมสิทธิ์เกินส่วนของตนที่ควรจะได้ ไม่ใช่คำพิพากษาแสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามฟ้องของโจทก์ก็เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมนั้นบังคับโจทก์ไม่ได้ และไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดิน
พิพากษาแก้เป็นว่า สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมไม่ผูกพันโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์