คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันแต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะและจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา290,72 ดังนี้ ศาลล่างทั้งสองต่างยกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์ที่ว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายขอให้ลงโทษตามฟ้องนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,93 และขอให้เพิ่มโทษและนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาของศาลอาญาธนบุรี ริบของกลาง
จำเลยให้การว่า จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายเป็นการป้องกันตัวและรับว่าขณะเกิดเหตุจำเลยยังรับโทษตามคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา เพราะบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 72 จำคุก3 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 93 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 4 ปี 6 เดือนคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2717/2525 ของศาลอาญาธนบุรีและริบเหล็กแหลมของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานคดีนี้ฟังได้ชัดว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องพิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวแต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ และจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 72 เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างยกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์.

Share