คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด ได้ประสพเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดจาขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่จับกุมคนร้ายล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซึมบนรถประจำทาง กลับยืนยันเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ เพื่อมิให้คนร้ายถูกจับกุมหรือรับโทษ ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๑๕๗, ๑๖๕, ๑๗๒, ๑๘๙ ให้ลงโทษตามบทและกระทงที่หนักตามมาตรา ๑๕๗ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริง นายประสิทธิ์ล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซึมของ ร.ต.อ. โสภณ โดยมีนางสาวอุไรยืนยัน แต่จำเลยซึ่งเป็นตำรวจกลับพูดว่า นายประสิทธิ์เก็บปากกาตกได้ตลอดจนบอก ส.ต.อ.เชื้อ เช่นนั้นด้วย ถึงกับเกิดโต้เถียงกับ ร.ต.อ. โสภณ ในทำนองสงสัยว่าจำเลยเป็นพวกคนร้ายจนถูกจับไปในคดีนี้ด้วย จำเลยยืนยนว่าได้เห็นนายประสิทธิ์เก็บปากกาตกแต่เมื่อ ร.ต.อ.โสภณ ถามว่าเห็นเก็บตกตรงไหน จำเลยนิ่งไม่ตอบ แต่กลับไปพูดขู่เข็ญก้าวร้าวต่อนางสาวอุไรให้กลัวจะเกิดอันตรายแก่ตน เพื่อมิให้ยืนยันเอานายประสิทธิ์ต่อไป แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้กระทำไปโดยเพียงแต่เห็นแก่ความยุติธรรมเช่นฐานะพลเมืองดีทั้งหลาย แต่เป็นการกระทำโดยใช้วิธีของผู้ร้ายขู่เข็ญเพื่อปิดปากไม่ให้นางสาวอุไรยืนยันเอาแก่นายประสิทธิ์ผู้กระทำผิด พฤติการณ์ของจำเลยไม่น่าเชื่อว่าได้กระทำเพราะเป็นพลเมืองดี เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกจับกุมแต่อย่างใด จำเลยเป็นพลตำรวจประจำอยู่ในกองสืบสวนสอบสวน แม้จะหนีราชการไปก็ยังไม่มีคำสั่งปลดยังไม่พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ เมื่อจำเลยประสพเหตุการณ์ที่นายประสิทธิ์กระทำความผิดแล้วลงจากรถโดยสาร
และกำลังมีการจับพร้อมด้วยของกลางอยู่ ณ ที่นั้น จำเลยย่อมมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายที่จะจับนายประสิทธิ์ จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยขัดขวางถึงกับพูดขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำความผิด การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลย จึงเป็นการละเว้นโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ร.ต.อ.โสภณ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share