แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่ามีทางพิพาทมาไม่น้อยกว่า 40 ปี สาธารณชนได้ใช้เดินเข้าสวนทุเรียนและชักลากไม้มาประมาณ 20 ปี ตั้งแต่เจ้าของเดิมก่อนจำเลย ไม่มีการหวงห้ามแสดงสิทธิใด ๆ เลย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการอุทิศโดยปริยาย ให้เป็นทางสาธารณะแล้ว (อ้างฎีกาที่ 123/2483)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้น ทางสาธารณะขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๘๕
จำเลยให้การว่า ได้ลงหลักปักเสาในที่ดินของจำเลย ไม่ได้ทำผิดและไม่ได้โค่นไม้ปิด ทางสาธารณะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ปรับจำเลย ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ปิดกั้นทางพิพาทระหว่างที่สวนของจำเลยทั้งสองข้างทาง ทางเส้นนี้มีมาไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี เป็นทางที่สาธารณชนได้ใช้เดินเข้าสวนทุเรียนและชักลากไม้มาประมาณ ๒๐ ปี ตั้งแต่เจ้าของเดิมก่อนจำเลย ไม่มีการหวงห้ามแสดงสิทธิใด ๆ เลย ที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่าถือได้ว่าเป็นการอุทิศโดยปริยาย ให้เป็นสาธารณะ ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น