คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่จะถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(3) จะต้องเป็นการหลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล (อ้างฎีกาที่ 102/2507)
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเจ้าพนักงานที่ไปส่งหมายเรียกของศาลได้พบจำเลยและแจ้งให้จำเลยทราบว่าจะส่งหมายให้แล้ว จำเลยกลับกินข้าวเสียและแกล้งพูดโยกโย้ อันเป็นการแสดงว่าจำเลยแกล้งถ่วงเวลา แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้หลบหลีกไปเสียให้พ้น คงอยู่บนเรือนของจำเลยและได้เซ็นรับหมายเรียกของศาลไว้ เช่นนี้คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้หลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล จึงไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นที่ดินอำเภอและจำเลยที่ 2 ในฐานะนายอำเภอ เรื่องให้โอนและจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน

เจ้าหน้าที่ของศาลไปส่งหมายเรียกกับสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 แล้วกลับมารายงานว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาหาทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่ยอมรับคำคู่ความและเอกสาร กับกล่าวคำหมิ่นประมาทผู้พิพากษา

ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยที่ 2 ไปศาลและได้สอบถามจำเลยที่ 2กับเจ้าหน้าที่ของศาลแล้ว เชื่อว่าจำเลยได้กล่าวถ้อยคำเป็นการหมิ่นประมาทเหยียดหยามคณะผู้พิพากษา ฯลฯ และจำเลยรู้แล้วว่าจะมีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถึงตนแล้ว พยายามถ่วงเวลา หาทางหลีกเลี่ยงไม่ยอมเซ็นรับหมาย เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยต่อศาล พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ

พนักงานอัยการฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(3)

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จะถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(3) จะต้องเป็นการหลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล (อ้างฎีกา 102/2507) แต่สำหรับคดีนี้แม้จะฟังตามรายงานของนายไพบูลย์ผู้ส่งหมาย ก็คงได้ความว่าเมื่อนายไพบูลย์พบนายขีดจำเลยและแจ้งให้ทราบว่าจะส่งหมายให้นายขีดจำเลยแล้ว นายขีดจำเลยกลับกินข้าวเสีย และแกล้งพูดโยกโย้เป็นการแสดงว่านายขีดจำเลยแกล้งถ่วงเวลาโดยใช่เหตุ แต่ไม่ปรากฏว่านายขีดจำเลยได้หลบหนีไปเสียให้พ้น คงอยู่บนเรือนของจำเลยและได้เซ็นรับหมายเรียกของศาลไว้จากนายไพบูลย์แล้ว คดีฟังไม่ได้ว่านายขีดจำเลยได้หลีกเลี่ยงไม่รับหมายของศาล การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล

พิพากษายืน

Share