แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว10นิ้วเผาไฟแล้วนาบที่บริเวณแก้มแขนไหล่หลังและโคนขาของโจทก์แม้จะไม่ปรากฏว่ามีดที่เผาไฟนั้นเผาไฟมานานเท่าใดและมีความร้อนเพียงใดแต่จากลักษณะบาดแผลที่โจทก์ได้รับแสดงให้เห็นว่ามีดถูกเผาไฟจนร้อนมากเพราะเมื่อนำไปนาบโจทก์แล้วทำให้เกิดไหม้พองผิวหนังหลุดแพทย์ลงความเห็นว่าหากรักษาตามวิธีการที่ถูกต้องแผลจะหายภายใน10วันแต่จะเป็นรอยแผลเป็นการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายโดยมุ่งประสงค์ให้โจทก์ได้รับความเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าการทำร้ายโดยทั่วไปถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายส่วนแผลเป็นที่ใบหน้าโจทก์จะมีความกว้างยาวขนาดไหนและยืนห่างแค่ไหนจึงจะสามารถมองเห็นได้นั้นเป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเพราะหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวหรือไม่ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาว่าเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 296, 297, 298, 90, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสได้ทะเลาะกันจำเลยทำร้ายโจทก์โดยการตบตี เตะ ต่อย ใช้กรรไกรกล้อนผมและใช้มีดเผาไฟนาบที่ใบหน้าและลำตัวโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตราย มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยใช้มีดเผาไฟนาบที่ใบหน้าและลำตัวโจทก์ เป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายหรือไม่เห็นว่า การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 10 นิ้ว เผาไฟแล้วนาบโจทก์ที่บริเวณแก้ม แขน ไหล่ หลัง และโคนขานั้น แม้ข้อเท็จจริงจะไม่ปรากฏว่ามีดที่เผาไฟนั้น เผาไฟมานานเท่าใดและมีความร้อนเพียงใดก็ตาม แต่จากลักษณะบาดแผลที่โจทก์ได้รับนั้น แสดงให้เห็นว่ามีดถูกเผาไฟจนร้อนมากเพราะเมื่อนำไปนาบโจทก์แล้วทำให้เกิดไหม้พองผิวหนังหลุด ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าหากรักษาตามวิธีการที่ถูกต้องแผลจะหายภายใน 10 วัน แต่จะเป็นรอยแผลเป็นและแม้จำเลยจะอ้างว่ากระทำไปเพื่อข่มขู่มิให้โจทก์ไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการทำร้ายโดยมุ่งประสงค์ให้โจทก์ได้รับความเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าการทำร้ายโดยทั่วไป ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายแล้ว ส่วนแผลเป็นที่ใบหน้าโจทก์จะมีความกว้างยาวขนาดไหนและยืนห่างแค่ไหนจึงจะสามารถมองเห็นได้นั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเพราะหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวหรือไม่ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวข้างต้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน