คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การเล่นการพนันทายผลฟุตบอลเป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวใน พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 4 ซึ่งจะพนันกันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันได้เฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 4 ทวิ เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2505 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 10, 12 (2), 15 ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้นเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้จัดให้มีการพนันทายผลฟุตบอลขึ้น ซึ่งปัจจุบันการพนันชนิดนี้แพร่ระบาดทั่วไป โดยเฉพาะในหมู่นักเรียนนักศึกษา จึงมีส่วนสำคัญในการมอมเมาเยาวชนของชาติให้ลุ่มหลงในอบายมุข มีผลกระทบโดยตรงต่อการศึกษาและบั่นทอนอนาคตของเยาวชน ถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าอันเป็นความหวังของชาติ เป็นภัยร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและความสงบสุขของสังคมโดยส่วนรวม พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและมีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวรวมทั้งเหตุผลความจำเป็นประการอื่น ก็ยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การเล่นการพนันทายผลฟุตบอลเป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวในมาตรา 4 ซึ่งจะพนันกันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันได้เฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 ทวิ เท่านั้น แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ปรับบทความผิดตามมาตรา 4 มาด้วย ซึ่งไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2449 มาตรา 4 และพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทความผิดตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share