แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่บริษัท พ. หรือผู้ถือแม้จะมีการขีดคร่อม แต่มิได้ระบุห้ามโอน จึงโอนกันได้ด้วยการส่งมอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน จำกัด นำเช็ค ๗ ฉบับ ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายมาขายลดแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเรียกเก็บเงินไม่ได้จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ซื้อลดเช็คทั้ง ๗ ฉบับด้วยการโอนที่ไม่สุจริต โดยคบคิดกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน จำกัด ฉ้อฉลจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า…. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐ วรรคแรกบัญญัติว่า “บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น” และตามมาตรา ๙๑๖ ก็บัญญัติไว้ว่า “บุคคลทั้งหลายผู้ถูกฟ้องในมูลตั๋วแลกเงินหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้กันอาศัยความเกี่ยวพันกัน เฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือกับผู้ทรงคนก่อน ๆ นั้นได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล” ซึ่งตามมาตรา ๙๘๙ ให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คด้วย ดังนั้นจำเลยจะยกข้อต่อสู้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน จำกัด ที่จำเลยนำเช็คพิพาทไปประกันเงินกู้ไว้มายันโจทก์ ผู้ทรงเช็คพิพาทไม่ได้ เว้นแต่จำเลยจะนำสืบได้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล พยานหลักฐานของจำเลยตามที่นำสืบมา คงรับฟังได้แต่เพียงว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน จำกัด ตกลงกับจำเลยว่าจะคืนเช็คพิพาทให้แก่จำเลย เนื่องจากหนี้สินเช็คพิพาทเป็นประกันไว้ได้ระงับแล้ว ไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว และเป็นข้อต่อสู้ที่เป็นความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน เช็คพิพาทเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน จำกัด หรือผู้ถือ ถึงแม้ว่าจะมีการขีดคร่อมแต่มิได้ระบุห้ามโอน จึงโอนกันได้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบ จะให้โจทก์ทราบได้อย่างไรว่าจำเลยได้ใช้เช็คพิพาทเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ระหว่างจำเลยกับผู้ทรงเช็คคนก่อน จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าโจทก์รับเช็คพิพาทไว้ด้วยการคลคิดกันฉ้อฉล จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน