คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยรับราชการเป็นพลตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่รับเงินและปกครองดูแลรักษาเงินค่าเปรียบเทียบปรับอันเป็นเงินของทางราชการตำรวจที่ได้รับไว้ เมื่อนำส่งให้ไม่ครบจำนวนที่รับไว้ก็ย่อมได้ชื่อว่ากระทำการทุจริตในหน้าที่ยักยอกเงินรายนี้เป็นอาณาประโยชน์ของตนเสียเอง

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการเป็นพลตำรวจได้รับแต่งตั้งเป็นเสมียนเบ็ดเสร็จประจำวันได้รับมอบเงินค่าปรับ ๑๔๐ บาท ตามคำสั่งนายร้อยเวรรักษาการในตำแหน่งผู้บังคับกองตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จำเลยนำส่งสมุหบัญชี ๖๐ บาท และบังอาจทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้นไว้เสียเอง ๘๐ บาท ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานยักยอกเงินของราชการดังฟ้องทั้งฟ้องมิได้บรรยายว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตาม ม.๑๓๑ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับจำเลยมีผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๑๓๑ ประกอบด้วย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา พ.ศ.๒๔๘๔ ม.๓ และ พ.ร.บ.อนุมัติพระราชกำหนดฉบับนั้นให้จำคุก ๑ ปี กับให้ใช้เงิน ๘๐ บาท
จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตาม ม.๑๓๑ กิจการที่ทำไม่เกี่ยวกับหน้าที่ของจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่รับเงินและปกครองดูแลรักษาเงินจำนวนนี้อยู่ ที่ต้องชำระเป็นเงินค่าเปรียบเทียบปรับ ไม่ใช่เป็นเงินที่ผู้ต้องหาชำระเกิน แต่เป็นเงินของทางราชการตำรวจที่จำเลยได้รับไว้ เมื่อจำเลยไม่นำส่งให้ครบจำนวนที่รับไว้จึงได้ชื่อว่ากระทำการทุจริตในหน้าที่ยักยอกเงินรายนี้เป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวเสียเอง
จึงพิพากษายืน

Share