คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเรียกเรือกลไฟคืน การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าเรือลำนี้จำเลยเปนผู้ซื้อแต่เงินไม่พอจึงกู้เงินโจทแล้วไส่ชื่อโจทเปนเจ้าของเรือ เช่นนี้เปนการสืบเพื่อแก้ไขข้อความไนสัญญาเช่าสัญญาโอนกัมสิทธิเรือซึ่งเปนการไม่ชอบด้วยมาตรา 94 (ข) ประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง สาลไม่ควนรับฟังข้อความเหล่านั้น

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเรือกลไฟชื่อ “ทงชัย” ขอไห้สาลบังคับจำเลยส่งมอบเรือกลไฟหรือไช้เงิน ๓,๒๐๐ บาท
จำเลยไห้การว่า การที่ถือว่าโจทเปนเจ้าของกัมสิทธิเรือกลไฟนั้นเปนนิติกัมอำพรางความจิงเรือลำนี้เปนของจำเลยโดยแท้ และต่อสู้ว่า สัญญาเช่าของโจทเปนโมคะและจำเลยมิได้ผิดสัญญา
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่าเรือลำนี้เปนของจำเลยและสัญญาเช่านั้นเปนนิติกัมอำพราง การไส่ชื่อโจทเปนเจ้าของก็เพื่อเปนประกันเท่านั้น พิพากสายกฟ้องโจท
โจทดีกา สาลดีกาตัดสินว่า เรื่องนี้ตามข้อหาคำไห้การประกอบด้วยหลักถานคือสัญญา+โอนกัมสิทธิเรือ สแดงไห้เห็นว่าโจทเปนผู้ซื้อเรือลำพิพาทจากนายแจ้และได้ไห้จำเลยเช่า การที่จำเลยสืบพยานบุคคลว่าความจิงเรือลำนี้ จำเลยเปนผู้ซื้อแต่เงินไม่พอจึงกู้เงินโจท ๒,๔๐๐ บาทจำเลยออก ๙๐๐ บาท แล้วไส่ชื่อโจทเปนเจ้าของเรือ แต่สัญญากู้ไม่มีนั้นเปนการสืบเพื่อแก้ไขข้อความไนสัญญาเช่าสัญญาโอนกัมสิทธิ์เรือโดยแท้ ไม่ต้องด้วยประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา ๙๔(ข) จึงพร้อมกันไห้ยกคำพิพากสาสาลล่าง ไห้จำเลยส่งเรือพิพาทไห้โจทตามฟ้อง หรือไช้เงิน ๓,๒๐๐ บาท

Share