คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยประเภทค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 1เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลหมายเรียก จำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ จำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะให้เรียกค่าเสียหายเอาจากจำเลยร่วมได้โดยตรงก่อนตามจำนวนเงินในกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์จำนวนหนึ่ง จำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนประเด็นตามฎีกาจำเลยร่วมในข้อที่ว่า ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นอันดับแรก จะเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบและพิพากษาเกินคำขอโจทก์หรือไม่นั้น เห็นว่า แม้จำเลยร่วมจะมิได้ถูกโจทก์ฟ้องมาแต่แรก แต่ศาลก็ได้หมายเรียกบริษัทจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องของจำเลยที่ 1โดยอาศัยเหตุแห่งข้ออ้างที่ว่า จำเลยร่วมอาจถูกจำเลยฟ้องเพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) และตามมาตรา 58 ของกฎหมายดังกล่าวก็ได้บัญญัติให้มีผลเสมือนหนึ่งว่าบริษัทจำเลยร่วมได้ถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ เมื่อบริษัทจำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 1 เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะให้เรียกเอาจากจำเลยร่วมได้โดยตรงก่อนตามจำนวนเงินในกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 จึงเป็นการชอบที่ศาลจะพิพากษาให้บริษัทจำเลยร่วมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ก่อนจำเลยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยหรือพิพากษาเกินคำขอ”

พิพากษายืน

Share