แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
(1) คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยนั้น เป็นคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 1 (5) เมื่อศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมก็เป็นการไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา 18 จึงอุทธรณ์และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา มาตรา 228 (3) โดยไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้
(2) คำให้การเพิ่มเติมนั้น จะต้องยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมเสียก่อนวันชี้สองสถาน ถ้าทำภายหลังและคดีก็ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(3) ค่าทนายความชั้น3ีกานั้น เมื่อคำแก้ฎีกาของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะโจทก์หรือทนายโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ในคำแก้ฎีกา ศาลย่อมไม่ให้
หมายเหตุ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับข้อ (1) นั้น วินิจฉัยโดยประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2505
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องมีใจความต้องกันทั้งสองสำนวน ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินค่าใบยาสูบให้นายเปล่ง โจทก์ ๒,๑๖๐ บาท ให้นางจุมเกียง โจทก์ ๓,๑๓๒ บาท
ในคดีที่นางจุมเกียงเป็นโจทก์นั้น ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ นางจุมเกียงโจทก์ได้ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ศาลอนุญาต
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การต่อสู้อย่างเดียวกันว่า จำเลยได้ซื้อใบยาสูบจากโจทก์ตามเอกสารอันดับที่ ๑ ถึง ๗ และอันดับที่ ๘ ถึง ๑๘ จริง แต่ได้ชำระเงินให้โจทก์หมดแล้ว
ก่อนถึงวันสืบพยาน จำเลยในคดีที่นายเปล่งเป็นโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การ โดยตัดฟ้องว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต อ้างเหตุว่ายื่นภายหลังการชี้สองสถานและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิาพากาาให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อใบยาสูบให้นายเปล่งโจทก์ ๑,๘๒๒ บาท ๘๕ สตางค์ และให้นางจุมเกียง โจท์ก๑,๑๓๒ บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเท่าที่โจทก์ชนะ และค่าทนายแทนโจทก์สำนวนละ ๑๕๐ บาท
นายชั้นจำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายในชั้นอุทธรณ์สำนวนละ ๗๕ บาทแก่โจทก์ด้วย
นายชั้นจำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายต่อไปนี้
(๑) คดีที่นายเปล่งเป็นโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นไม่รับทำให้การเพิ่มเติมและจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ จำเลยยกเป็นข้ออุทธณณ์ฎีกาต่อไปได้
(๒) อายุความฟ้องร้องคดีทั้งสองนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
(๓) คดีที่นางจุมเกียงเป็นโจทก์ ศาบอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากหลักฐานในสำนวน โดยจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ และคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นและศาบอุทะรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า การซื้อใบยาสูบจากโจทก์ จำเลยยังหาได้ชำระราคาให้ไม่
ฎีกาของจำเลยข้อ ๑ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกานั้น จำเลยโต้เถียงว่า คดีที่นายเปล่งเป็นโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การเพิ่มเติม แม้จำเลยไมได้โต้แย้งไว้ จำเลยก็ยกเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ ปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยเป็นคำคู่ความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑ (๕) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเมื่อศาลสั่งไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ ก็เป็นการไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา ๑๘ นั่นเอง ซึ่งวรรคสุดท้ายแห่งมาตรา ๑๘ นี้บัญญัติว่า คำสั่งของศาลที่ไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความตามมาตรานี้ ให้อุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๒๗, ๒๒๘, ๒๔๗ จึงเป็นกรณีเข้ามาตรา ๒๒๘ (๓) จำเลยอุทะรณ์และฎีกาคัดค้านคำสั่งในเรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้นายชั้นจำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติม ศาลฎีกาเห็นว่าชอบแล้ว เพราะนายชั้นจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การภายหลังวันชี้สองสถาน และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันขัดต่อมาตรา ๑๘ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฯลฯ
พิพากษาแก้ ให้นายชั้นจำเลยชำระเงินค่าใบยาสูบแก่นางจุมเกียงเป็นเงิน ๒,๕๐๘ บาท ๗๖ สตางค์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ส่วนค่าทนายชั้นฎีกานั้น โดยที่คำแก้ของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะโจทก์หรือทนายโจทก์มิได้ลงชื่อไว้ในคำแก้ฎีกา จึงไม่ให้