คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายซึ่งเป็นพี่ชายจำเลย ตบหน้าจำเลยก่อนแล้วตามจำเลยเข้าไปในห้องจะตบตีจำเลยอีก จำเลยจึงคว้ามีดซามูไรยาว 1 คืบทั้งด้าม แทงผู้ตายในขณะนั้น เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายสว่าง คำมา พี่ชายจำเลยโดยเจตนาฆ่า นายสว่างได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดจริง แต่ที่ทำไปเพราะผู้ตายเตะต่อยทำร้ายก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๑๕ ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา ๗๕ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน จำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องมีดของกลางไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าผู้ตายตบหน้าจำเลยก่อน จำเลยสู้ไม่ได้ จึงคว้ามีดมาแทงเอา แต่จำเลยใช้มีดซามูไรยาว ๑ คืบทั้งด้าม อย่างน้อย ๓ ที ซึ่งตามสภาพของบาดแผล คงแทงด้านหน้าก่อนขณะถูกผู้ตายตามเข้าไปในห้องจะตบตีจำเลยอีก มีดจึงถูกใต้ข้อศอกขวายาว ๑ นิ้ว ส่วนที่ใต้ข้อมือขวาด้านในเพียงแต่เป็นแผลถลอก ตอนนี้ผู้ตายคงจะหลบมีดและคงจะหนีเพื่อออกนอกห้อง จึงมีแผลถูกแทงข้างหลังใต้สะบักซ้าย ๒ แผล ซึ่งห่างกัน ๒ นิ้ว โดยแผลที่สองเป็นแผลฉกรรจ์มาก ลึกถึง ๕ นิ้วทะลุถึงหัวใจ ผู้ตายจึงล้มนอนหงายที่หน้าห้องนอนนั้นเอง ถึงกับพูดไม่ได้และขาดใจตายในเวลาต่อมา จึงวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ และการกระทำของจำเลยมิได้เกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัว ที่ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้ จำเลยจึงต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๖๙ ให้จำคุก ๘ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๕ จำคุก ๔ ปี จำเลยรับสารภาพ สำนึกผิดโดยดีตลอดมาตั้งแต่ชั้นสอบสวน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี และให้รอการลงโทษจำเลยไว้ภายใน ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ มีดของกลางริบ

Share