คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10123/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญากู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษามีข้อสัญญาระบุไว้ว่า การกู้และให้กู้ตามสัญญานี้นอกจากจะถือปฏิบัติตามสัญญาทุกข้อแล้ว ผู้กู้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของผู้ให้กู้ยืมที่เกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้ออกใช้บังคับอยู่แล้วก่อนในวันทำสัญญานี้ และที่จะได้ออกใช้บังคับต่อไปในภายหน้าโดยเคร่งครัด และให้ถือว่าระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาด้วย จึงต้องถือว่าระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาว่าด้วยการชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุน ซึ่งออกใช้บังคับก่อนจำเลยที่ 1 จะผิดนัดชำระหนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา มีผลใช้บังคับและผูกพันจำเลยที่ 1 โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบหรือต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 ก่อน และกำหนดเวลาชำระหนี้ที่กำหนดไว้ในระเบียบดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 369,383.41 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 333,200 บาท และเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระเงินจำนวน 84,804.22 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 76,500 บาท และเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวน 76,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดชำระหนี้จำนวน 284,575.70 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 256,700 บาท และเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เป็นประการแรกว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญากู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา มีข้อสัญญาระบุไว้ว่า การกู้และให้กู้ตามสัญญานี้ นอกจากจะถือปฏิบัติตามสัญญาทุกข้อแล้ว ผู้กู้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของผู้ให้กู้ยืมที่เกี่ยวกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้ออกใช้บังคับอยู่แล้วก่อนในวันทำสัญญานี้ และที่จะได้ออกใช้บังคับต่อไปในภายหน้าโดยเคร่งครัดและให้ถือว่าระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาด้วย ดังนั้น จึงต้องถือว่าระเบียบคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาว่าด้วยการชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุน ซึ่งออกใช้บังคับก่อนจำเลยที่ 1 จะผิดนัดชำระหนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา และมีผลใช้บังคับได้โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบหรือต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 ก่อน และการออกระเบียบดังกล่าวก็มิใช่เป็นการขยายอายุความตามที่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างในคำแก้อุทธรณ์ เมื่อระเบียบดังกล่าวมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 แล้ว ก็ต้องถือว่าหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระให้โจทก์งวดแรกถึงกำหนดในวันที่ 5 กรกฎาคม 2545 สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว ซึ่งเมื่อนับตั้งแต่วันดังกล่าวจนถึงวันฟ้องคือวันที่ 3 กรกฎาคม 2550 ยังไม่พ้นกำหนด 5 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 369,383.41 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ของต้นเงิน 333,200 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 3 กรกฎาคม 2550) ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชำระเงินจำนวน 88,804.22 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ของต้นเงิน 76,500 บาท นับถัดจากวันฟ้อง และให้จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชำระเงินจำนวน 284,575.70 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ของต้นเงิน 256,700 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 7,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คืนค่าขึ้นศาลอนาคตจำนวน 100 บาท แก่โจทก์

Share