แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องสอดขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม อ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสองเช่าที่ดินผู้ร้องสอด ไม่ได้เช่าจากโจทก์ หากจำเลยแพ้คดี อาจฟ้องร้องผู้ร้องสอดให้เสียหาย ผู้ร้องสอดจึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและภายหลังปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีไปแล้ว จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์เป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด สิทธิในการดำเนินคดีของจำเลยจึงไม่มีอีกแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดิน น.ส.3 แปลงหนึ่งจำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปปลูกห้องในที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาขอให้ขับไล่และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของนายแน่น หรือแหน่น จำเลยปลูกห้องโดยเช่าจากนายแน่นหรือแหน่น ขอให้ยกฟ้อง
นายแน่นหรือแหน่นยื่นคำร้องสอดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอดผู้ร้องสอดให้จำเลยทั้งสองเช่า หากจำเลยต้องแพ้คดีจำเลยอาจฟ้องผู้ร้องสอดให้เสียหายได้เพื่อประโยชน์แห่งการคุ้มครองสิทธิและการบังคับตามสิทธิซึ่งผู้ร้องสอดมีอยู่ จึงขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องสอดขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม อ้างเหตุว่าให้จำเลยทั้งสองเช่าที่ดินผู้ร้องสอด หากจำเลยแพ้คดีอาจฟ้องร้องผู้ร้องสอดให้เสียหายเห็นว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) แต่ผู้ร้องสอดไม่อาจใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2521 ก่อนที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วม จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์เป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด สิทธิดำเนินคดีของจำเลยไม่มีแล้วเช่นนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำสั่งศาลชั้นต้น