คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พฤติการณ์แห่งคดีตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดข่มขู่หรือชักชวนให้จำเลยกระทำความผิด และจำเลยสามารถหลบหนีไปโดยว่าจ้างรถสามล้อเครื่องให้ไปส่งที่บ้านเพื่อน แสดงว่าระดับเชาวน์ปัญญาของจำเลยไม่ได้อยู่ในระดับปัญญาอ่อนรุนแรง จำเลยกระทำความผิดในขณะสามารถรู้ผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้ จึงไม่เป็นกรณีที่จะได้รับยกเว้นโทษหรือลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตาม ป.อ. มาตรา 65
การที่บิดาของจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งให้จำเลยเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์จำเลย ก็เป็นเรื่องการจัดการทรัพย์สินของจำเลยเท่านั้น ส่วนที่จำเลยได้บรรเทาผลร้ายโดยการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลยตามบันทึกชดใช้ค่าเสียหายนั้น ก็ปรากฏว่าบันทึกดังกล่าวได้ทำขึ้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย การชดใช้ค่าเสียหายจึงเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการบรรเทาผลร้าย จึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 8,610 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) วรรคหนึ่ง (ที่ถูก วรรคแรก) จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 8,610 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติ ปรากฏว่าผู้เสียหายวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะหน้าร้านแล้วหันไปปิดประตู จำเลยหยิบเอากระเป๋าสะพายของผู้เสียหายไปแล้วว่าจ้างรถสามล้อเครื่องให้ไปส่งที่บ้านเพื่อน จำเลยนอนค้างที่บ้านเพื่อนแล้วจำเลยนำเงินไปเล่นเกมและการพนันจนหมด ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดข่มขู่หรือชักชวนให้จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ แม้จะรับฟังรายงานกผลการทดสอบทางจิตวิทยาของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ตามเอกสารท้ายอุทธรณ์หมายเลข 2 ซึ่งได้กระทำภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วว่าระดับเชาวน์ปัญญาของจำเลยน่าจะอยู่ในระดับปัญญาอ่อนรุนแรงสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในระดับฝึกฝนทักษะพื้นฐานในด้านการช่วยเหลือตนเอง แต่จะมีความยากลำบากในการจัดการสอนแบบชั้นเรียน และอาจมีปัญหาในการตัดสินใจ ถูกชักจูงได้ง่าย หลบหลีกภัยหรือปกป้องตนเองไม่เป็น แต่เมื่อไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดข่มขู่ หรือชักชวนให้จำเลยกระทำความผิด และจากพฤติการณ์ที่จำเลยสามารถหลบหนีไปโดยว่าจ้างรถสามล้อเครื่องให้ไปส่งที่บ้านเพื่อน แสดงว่าระดับเชาวน์ปัญญาของจำเลยไม่ได้อยู่ในระดับปัญญาอ่อนรุนแรง จำเลยกระทำความผิดในขณะสามารถรู้ผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้ จึงไม่เป็นกรณีที่จะได้รับยกเว้นโทษหรือลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ทั้งโทษที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษก่อนลดให้จำคุกจำเลย 1 ปี นั้น เป็นการลงโทษในอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ศาลฎีกาไม่อาจลดโทษให้จำเลยต่ำกว่านี้ได้อีก ที่จำเลยอ้างในฎีกาว่าขณะนี้บิดาของจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งให้จำเลยเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์จำเลย ก็เป็นเรื่องการจัดการทรัพย์สินของจำเลยเท่านั้น ส่วนที่จำเลยอ้างว่าได้บรรเทาผลร้ายโดยการชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 8,610 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลยตามบันทึกชดใช้ค่าเสียหายเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 3 นั้น ก็ปรากฏว่าบันทึกดังกล่าวได้ทำขึ้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย การชดใช้ค่าเสียหายจึงเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษา ไม่ใช่เป็นการบรรเทาผลร้าย จึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษให้นั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share