คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีส่วนได้เสียเพราะเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์ที่จำเลยทำยอมความโอนให้โจทก์ไปและศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ จะร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์และฎีกาในอายุความอุทธรณ์ฎีกาเพื่อทำลายสัญญายอมความไม่ได้ เพราะเหตุที่ผู้ร้องยกขึ้นอุทธรณ์เป็นการตั้งประเด็นใหม่ ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาขายที่นา ขอให้บังคับจำเลยโอนที่นาแก่โจทก์ แล้วต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความต่อศาลว่าจำเลยยอมไปทำนิติกรรมโอนที่นาให้โจทก์ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามยอมความ
ในระหว่างอายุความอุทธรณ์ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องว่าโจทก์จำเลยสมคบกันเอาที่นาซึ่งผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของร่วมอยู่กับจำเลยไปทำสัญญายอมความโดยมิได้บอกกล่าวให้ผู้ร้องสอดทราบ ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงขอร้องสอดเข้ามาเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑)
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลพิพากษาเสร็จแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิจะร้องสอดเข้ามาในคดีได้ ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้ศาลรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนได้ตามมาตรา ๕๗ (๑) แต่ผู้ร้องมิได้ขอเช่นนั้น กลับขอเข้ามาสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกาโดยมิได้ขอให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องประการใด กรณีไม่เข้าลักษณะการขอร้องสอดเพื่อเข้ามาเป็นคู่ความแม้คดีจะยังอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิร้องขอเช่นนั้น จึงพิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องสอดของผู้ร้องและฟ้องอุทธรณ์ที่ผู้ร้องยื่นคัดค้านคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ความประสงค์ของผู้ร้องที่ร้องสอดเข้ามาในคดีก็เพื่อจะทำลายคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และเหตุที่ผู้ร้องอ้างก็คือ ผู้ร้องมีส่วนในที่แปลงนี้ และกำลังจะดำเนินการบังคับจำเลยให้แบ่งอยู่แล้ว เป็นการตั้งประเด็นใหม่ทีเดียว หาใช่ประเด็นที่เกิดในคดีเมื่ออยู่ในชั้นศาลชั้นต้นไม่ การร้องสอดนั้น แม้กฎหมายจะไม่ห้ามในการที่จะมาร้องสอดชั้นอุทธรณ์ฎีกาก็ตาม แต่ตามสภาพก็ย่อมผิดกันอยู่ในตัว เหตุบางเหตุแม้จะร้องสอดในชั้นศาลชั้นต้นได้ แต่มาร้องสอดในชั้นอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่ ผู้ร้องร้องมานี้ ผู้ร้องจะร้องสอดในชั้นศาลชั้นต้นได้หรือไม่ ไม่เป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาในขณะนี้ แต่มาร้องสอดชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้แน่ เพราะถ้ายอมให้ผู้ร้องร้องสอดในชั้นนี้เพื่ออุทธรณ์ต่อไป เหตุที่ผู้ร้องยกขึ้นอุทธรณ์ก็ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้นหากแต่เป็นการตั้งประเด็นใหม่ทีเดียว อุทธรณ์นั้นก็ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องจะร้องสอดในชั้นนี้ได้ ในเรื่องนี้เมื่อผู้ร้องเห็นว่าสิทธิของผู้ร้องถูกโต้แย้งประการใด ก็ชอบที่จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา จะมาร้องสอดเช่นนี้หาได้ไม่
จึงพิพากษายืน

Share