คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10191/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์เป็นคนต่างด้าว แต่ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 86 มิได้ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยคนต่างด้าวอาจขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ และแม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน คนต่างด้าวก็ยังมีสิทธิที่จะจำหน่ายที่ดินต่อไปภายในระยะเวลาที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนดตามมาตรา 94 ได้ คนต่างด้าวจึงสามารถทำสัญญาซื้อขายที่ดินได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวตกลงซื้อที่ดินจำเลยด้วยการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำกับจำเลย จึงหาใช่นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย สัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำย่อมมีผลบังคับระหว่างคู่สัญญา หาตกเป็นโมฆะไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำจำนวน 304,921 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติได้ว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าว สัญชาติจีน จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2618 ตำบลนาขา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555 โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินดังกล่าวจากจำเลยในราคา 3,250,000 บาท โดยวางเงินมัดจำ 300,000 บาท และตกลงให้โจทก์ไปไถ่ถอนที่ดินดังกล่าวจากธนาคารออมสินเป็นเงิน 120,000 บาท ส่วนที่เหลือ 1,850,000 บาท โจทก์จะจ่ายให้จำเลยในวันออกโฉนดที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์และสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำ
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า สัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำตกเป็นโมฆะเหตุเพราะโจทก์เป็นคนต่างด้าวหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์เป็นคนต่างด้าว แต่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 มิได้ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยคนต่างด้าวอาจขออนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ และแม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน คนต่างด้าวก็ยังมีสิทธิที่จะจำหน่ายที่ดินต่อไปภายในระยะเวลาที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนดตามมาตรา 94 ได้ คนต่างด้าวจึงสามารถทำสัญญาซื้อขายที่ดินได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวตกลงซื้อที่ดินจำเลยด้วยการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำกับจำเลย ดังกล่าวจึงหาใช่นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ดังที่จำเลยอ้างมาในอุทธรณ์ไม่ สัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำ ย่อมมีผลบังคับระหว่างคู่สัญญา หาได้ตกเป็นโมฆะเหตุเพราะโจทก์เป็นคนต่างด้าวตามที่โจทก์อุทธรณ์ไม่ คำพิพากษาที่โจทก์อ้างมานั้นข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share