แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกอีก 2 คนสมคบกันมาลักกระบือของจำเลยพากระบือแล้วห่างสัก 6 วาจำเลย+ที่อยู่ก็ฟันเจ้าทรัพย์ตายดังนี้ จำเลยต้องมี+ฐานปล้นทรัพย์ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.+12,225 +จำเลยฝ่ายเดียวฎีกาพิพากษาที่ให้ลงโทษจำเลย ศาลฎีกาจะเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้ให้แก้เป็นให้วางบทที่หนักได้
ย่อยาว
ได้ความว่าคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ยินเสียงสุนักข์เห่าตื่นขึ้นก็เห็นผู้ร้าย ๒ คนจูงกระบือของผู้ตายไปผู้ตายออกวิ่งตามผู้ร้ายไป จำเลยก็ออกมาเอามีดดาบฟันโดนศรีษะผู้ตายล้มลง แล้วจำเลยกับผู้ร้ายทั้ง ๒ ก็หนีไป ผู้ตายอยู่ได้ ๑๐ วันก็ตาย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีผิดเพียงฐานชิงทรัพย์ เพราะขณะฟันพวกของจำเลยไปห่าง ๖ วาแล้ว การฟันอาจอยู่นอกความมุ่งหมายของพวกจำเลย ๒ คนนั้น ความผิดของจำเลยเป็นเพียงฐานชิงทรัพย์และฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๐๐ อันเป็นบทหนักจำคุก ๒๐ ปี
จำเลยฝ่ายเดียวฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ แต่เห็นว่าจำเลยสมคบกับพวกอีก ๒ คนมาปล้นโดยแบ่งหน้าที่กันมา จำเลยต้องมีผิดฐานปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ตายตาม ม.๓๐๑ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๓๐๑ วรรคท้าย แต่คงให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี ตามศาลอุทธรณ์ เพราะโจทก์มิได้ฎีกาจะเพิ่มโทษจำเลยให้มากขึ้นมิได้ขัดต่อประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๒๑๒