คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10068/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์และจำเลยทั้งหกมีข้อพิพาทต่อกันหลายคดี รวมถึงการดำเนินกิจการโรงรับจำนำ ฮ. โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้โจทก์นำเงินรายได้ประจำวันของโรงรับจำนำ ฮ. มาวางศาล และขอให้ตั้งจำเลยที่ 3 เป็นผู้ตรวจบัญชี แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันและไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งการเป็นหุ้นส่วนกันนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนเองจึงไม่สามารถบังคับให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขายหุ้นส่วนของฝ่ายนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้ กรณีเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้เลิกและให้จำเลยทั้งหกไปลงชื่อแสดงเจตนาเลิกห้างหุ้นส่วนคณะบุคคลโรงรับจำนำฮั้วฮอง หรือห้างหุ้นส่วนที่ไม่ใช่นิติบุคคลระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งหก ณ สำนักงานกลางทะเบียนพาณิชย์ หากจำเลยทั้งหกไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งหกให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้ง ขอให้บังคับโจทก์ขายหุ้นในส่วนของโจทก์ในราคาตามมูลค่าในงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 คิดเป็นเงินจำนวน 222,243.03 บาท ส่งมอบสมุดบัญชีและเอกสารทุกชนิดใบอนุญาตตั้งโรงรับจำนำ สถานที่ตั้งโรงรับจำนำ ทรัพย์สินและทรัพย์จำนำทุกรายการของโรงรับจำนำฮั้วฮองให้แก่จำเลยทั้งหกหรือจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้จัดการคนใหม่ของโรงรับจำนำ
โจทก์ให้การและแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกนายบดินทร์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ จำเลยทั้งหกและจำเลยร่วมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ห้างหุ้นส่วนสามัญโรงรับจำนำฮั้วฮองเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1057 (3) ยกคำขอให้จำเลยทั้งหกลงชื่อแสดงเจตนาเลิกห้างหุ้นส่วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งหกว่า มีเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์และจำเลยทั้งหกมีข้อพิพาทต่อกันหลายคดีรวมถึงการดำเนินกิจการโรงรับจำนำฮั้วฮอง โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้โจทก์นำเงินรายได้ประจำวันของโรงรับจำนำฮั้วฮองมาวางศาล และขอให้ตั้งจำเลยที่ 3 เป็นผู้ตรวจบัญชี จึงแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันและไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งการเป็นหุ้นส่วนกันนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนเองจึงไม่สามารถบังคับให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขายหุ้นส่วนของฝ่ายนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้ กรณีเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามที่โจทก์ฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1057 (3) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนสามัญโรงรับจำนำฮั้วฮองเลิกกัน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น อนึ่ง เมื่อห้างหุ้นส่วนเป็นอันเลิกกันในกรณีดังกล่าว ให้ตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญโรงรับจำนำฮั้วฮอง โดยตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สมัครใจจะเป็นผู้ชำระบัญชี
พิพากษายืน ให้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญโรงรับจำนำฮั้วฮองโดยตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share