คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้เลี้ยงรักษาลูกช้างมิได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควร
เจ้าของช้างใช้ให้บุคคลอื่นเอาช้างของตนไปรับจ้างลากไม้ เป็นการที่บุคคลนั้นทำแทนจำเลย เมื่อลูกของช้างนั้นไปทำอันตรายบุคคลภายนอกโดยผู้ที่เอาช้างของตนไปมิได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควร เจ้าของช้างต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ที่ถูกช้างนั้นทำอันตราย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของช้างพังซึ่งมีลูกเป็นช้างพลาย ๑ ตัว จำเลยได้ให้นายสายบุตรเลี้ยงของจำเลยนำช้างพังและลูกช้างพลายดังกล่าวไปรับจ้างลากไม้ในป่าเดียวกับที่โจทก์รับจ้างลากไม้อยู่ด้วย ขณะโจทก์กำลังใช้ช้างลากไม้อยู่ ลูกช้างพลายไล่ทำร้ายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าทดแทน
จำเลยให้การว่า เป็นเจ้าของช้างร่วมกับภริยาขณะเกิดเหตุภริยาจำเลยได้มอบให้นายสายบุตรสามีเก่าไปดูแลเลี้ยงรักษาและเที่ยวรับจ้างลากไม้ จำเลยหรือภริยามิได้เกี่ยวข้องด้วย เหตุเกิดขึ้นเพราะโจทก์จำเลยไม่ควรต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์กำลังทำงานบังคับช้างของโจทก์ให้ลากซุงลงเนินอยู่ ลูกช้างของจำเลยผละจากช้างพังซึ่งเป็นแม่ของมันไปที่ช้างของโจทก์ ซึ่งเป็นช้างพังแล้วเข้าทำร้ายโจทก์ โดยในขณะนั้นผู้เลี้ยงรักษาลูกช้างก็อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร เมื่อลูกช้างวิ่งเข้าทำร้ายโจทก์แล้วจึงได้วิ่งไปบอกให้ลูกช้างถอยนับว่านายสายผู้เลี้ยงรักษาลูกช้างมิได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควร และฟังว่าการที่นายสายเอาช้างจำเลยไปรับจ้างลากไม้ในคราวนี้โดยจำเลยใช้ให้ไป จึงเป็นการที่นายสายทำแทนจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในการกระทำของนายสาย และใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๔๒๗ และ ๔๓๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พิพากษายืน.

Share