คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ซื้อห้องแถวจากเจ้าของซึ่งยินยอมให้นายยกเช่าห้องนั้น 10 ปี โดยทำสัญญากันต่อกรมการอำเภอและมีข้อความให้เช่าช่วงได้ ต่อมานายยกให้จำเลยเช่าช่วงด้วยวาจาตกลงกัน 8 ปี ก่อนโจทก์ซื้อและเจ้าของเดิมทราบการเช่าช่วงเช่นนี้โจทก์จะขับไล่จำเลยให้ออกไปก่อน 8 ปีไม่ได้
บทบัญญัติตาม ม.538 ที่ว่าสัญญาเช่าที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือจะฟ้องร้องกันมิได้ ฯลฯ เป็นเรื่องระหว่างผู้เช่าเดิมกับผู้ให้เช่าช่วง โจทก์จะยกมาตรานี้ใช้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. 2496 ได้ซื้อห้องแถว 1 ห้อง ณ ตลาดตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ห้องนี้จำเลยเช่าอยู่และอยู่ต่อมาโจทก์คิดค่าเช่าเดือนละ 30 บาท โดยการเช่าด้วยวาจาครั้น พ.ศ. 2497 โจทก์ต้องการจะอยู่เอง จึงแจ้งให้จำเลยออก จำเลยขอผัด ครั้นหมดกำหนดผัดจำเลยไม่ออก จึงมาฟ้องให้ศาลบังคับให้จำเลยออกจากห้องนั้นกับเรียกค่าเสียหาย

จำเลยที่ 2 แก้ว่าเดิมห้องนี้เป็นของนางสาตร์ เวชชกิจ ๆ ให้นายยกเช่า 10 ปี ไปจดทะเบียนการเช่าต่ออำเภอ ต่อมานายยกให้จำเลยเช่าช่วง 8 ปี โดยนางสาตร์รู้เห็นยินยอม เมื่อโจทก์ซื้อห้องก็ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องให้จำเลยเช่าให้ครบสัญญาด้วย ส่วนจำเลยที่ 1 ให้การว่าอาศัยจำเลยที่ 2 อยู่

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยออกจากห้องพิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าโจทก์ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องให้จำเลยเช่าให้ครบ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทมาจากนางสาตร์เจ้าของเดิม ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 569 วรรค 2 ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย โจทก์จึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งนางสาตร์เจ้าของเดิมทำไว้กับนายยกผู้เช่าเดิม ซึ่งตามสัญญายอมให้เช่าช่วงได้ การที่นายยกให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงจึงเป็นการชอบ การที่นายยกให้จำเลยที่ 2 เช่าโดยตกลงกันด้วยปาก จะฟ้องร้องขอให้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้เช่าเดิมกับผู้เช่าช่วงมิใช่ระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าช่วง ผู้ให้เช่าจะอ้างเหตุของการเช่าอันไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือระหว่างผู้เช่าเดิมกับผู้เช่าช่วงมาเป็นเหตุฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงหาได้ไม่ เพราะผู้เช่าช่วงได้เช่าอยู่โดยอาศัยสิทธิของผู้เช่าเดิมจึงพิพากษายืน

Share