คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะถือว่าเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์นั้น จะต้องเป็นการกระทำเพื่อตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์ตลอดไป จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์นำรถไปส่งให้ผู้เช่าและติดตามรถคืน ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปทำความสะอาด ต่อมาจำเลยได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อรับน้าชายกับครอบครัวไปจังหวัดนครราชสีมา แต่เฟืองท้ายรถเสียจำเลยไม่สามารถหาเฟืองท้ายไปซ่อมรถยนต์คันดังกล่าว ตำรวจจึงให้ลากรถยนต์ไปจอดไว้ที่ฟาร์มเลี้ยงไก่ จำเลยมอบกุญแจรถยนต์ไว้กับเจ้าของฟาร์มเก็บใบขับขี่ บัตรประจำตัวและหลักฐานเกี่ยวกับทะเบียนรถไว้ในรถแล้วจำเลยกลับกรุงเทพมหานคร และไปทำงานที่ห้างผู้เสียหายตามปกติจำเลยพยายามหาซื้อเฟืองท้ายแล้ว แต่ซื้อไม่ได้ ต่อมาผู้เสียหายได้รับรถยนต์คืนจากตำรวจท้องที่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการพารถยนต์ของผู้เสียหายเคลื่อนที่ไป อาจเป็นการแย่งการครอบครองไปจากผู้เสียหาย ถือเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปอันอาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้ แต่ตามพฤติการณ์จำเลยเจตนาเอารถของผู้เสียหายไปใช้ชั่วคราว มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2531 เวลากลางวันจำเลยได้ลักทรัพย์รถยนต์โตโยต้า โคโรน่า ของห้างหุ้นส่วนจำกัดไฮเวย์คาร์เร้นท์ โดยมีนายธวัชชัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11)
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11) วรรคสอง ให้จำคุกจำเลย 3 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเบื้องต้นจำเลยได้นำรถยนต์ออกจากห้างผู้เสียหายเพื่อไปทำความสะอาด เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2531ยามของห้างก็ได้บันทึกหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ชื่อผู้นำเอาออกไปและวันเวลาที่นำออกไป ต่อมาจำเลยได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อรับน้าชายกับครอบครัวไปจังหวัดนครราชสีมา แต่เฟืองท้ายรถเสียจึงขับต่อไปไม่ได้ และจำเลยไม่สามารถหาเฟืองท้ายไปซ่อมรถยนต์คันดังกล่าวจึงมิได้นำรถยนต์มาคืนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้รับคืนจากเจ้าพนักงานตำรวจในวันที่ 4 มีนาคม 2531 การกระทำของจำเลยเป็นกรณีที่จำเลยพารถยนต์ผู้เสียหายเคลื่อนที่ไป อาจเป็นการแย่งการครอบครองไปจากผู้เสียหาย ถือเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปอาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ในคดีนี้จำเลยนำรถยนต์ของผู้เสียหายไปส่งน้าชายและครอบครัวที่จังหวัดนครราชสีมา ถ้าเหตุการณ์ปกติย่อมเห็นได้ว่าเมื่อส่งน้าชายและครอบครัวเสร็จแล้วย่อมนำมาคืนผู้เสียหายได้ แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวเฟืองท้ายเสีย จำเลยจึงไม่สามารถนำมาคืนผู้เสียหายได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยเจตนาจะเอารถยนต์ผู้เสียหายไปใช้ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าหากจำเลยเจตนาจะเอาทรัพย์ไปเป็นการถาวรอันเป็นลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์ จำเลยคงจะเอาไปในลักษณะที่ต้องหลบเลี่ยงจากการบันทึกของยามที่ห้างทั้งจำเลยคงจะไม่ทิ้งใบขับขี่ บัตรประจำตัว หลักฐานเกี่ยวกับทะเบียนรถยนต์ไว้ในรถ อันเป็นหนทางที่จะสืบหาถึงตัวจำเลยได้สะดวกนอกจากนี้จำเลยยังได้มอบกุญแจรถยนต์ไว้กับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ที่รถจอดอยู่ด้วย พฤติการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าจำเลยเพียงแต่เอารถผู้เสียหายไปใช้ชั่วคราว มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการกระทำที่ถือว่าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share