คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายขอเงินมัดจำและเงินค่างวดที่โจทก์จ่ายไปแล้วคืนพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกับฟ้องโจทก์ได้ยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉินขอให้ศาลชั้นต้นยึดหรืออายัดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งอนุญาตในวันถัดไปจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับฟ้องแย้งว่าการที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ก็โดยการอ้างเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อขอเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์ดังนี้มูลหนี้ตามฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกว่าวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายคือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากไปจากคำฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยที่1จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมชอบที่จำเลยที่1จักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ ทำ สัญญา จะ ซื้อ จะ ขาย อาคาร พาณิชย์ กับจำเลย ทั้ง ห้า โดย วาง เงิน มัดจำ และ ชำระ ค่างวด ไป แล้ว รวม1,100,000 บาท ต่อมา จำเลย ผิด สัญญา ขอ ให้ จำเลย คืน เงิน ดังกล่าวพร้อม ดอกเบี้ย
พร้อม กับ ฟ้อง โจทก์ ได้ ยื่น คำร้อง ใน เหตุ ฉุกเฉิน ขอ ให้ศาลชั้นต้น ยึด หรือ อายัด ที่ดิน ของ จำเลย ที่ 1 ไว้ ชั่วคราว ก่อนพิพากษา ซึ่ง ศาลชั้นต้น ไต่สวน แล้ว สั่ง อนุญาต ใน วัน ถัด ไป
จำเลย ที่ 2 ที่ 4 ให้การ ปฏิเสธ ความ รับผิด
จำเลย ที่ 1 และ จำเลย ที่ 3 ให้การ และ ฟ้องแย้ง ร่วมกัน ว่า โจทก์เป็น ฝ่าย ผิด สัญญา สัญญา จะ ซื้อ จะ ขาย จึง เป็น อัน เลิกกัน และจำเลย ริบ เงิน ที่ โจทก์ ชำระ ไว้ แล้ว ได้ ทั้งหมด การ ที่ โจทก์ขอ ให้ ศาล สั่ง ยึด ที่ดิน โฉนด ที่ 92 ของ จำเลย ที่ 1 เมื่อ วันที่22 กุมภาพันธ์ 2526 โดย อ้าง เท็จ ว่า เป็น เจ้าหนี้ จำเลย ที่ 1เป็น เงิน 1,701,000 บาท และ จำเลย ที่ 1 จะ โอน ที่ดิน ดังกล่าว เพื่อมิให้ โจทก์ ได้ รับ ชำระ หนี้ เป็น เหตุ ให้ ศาล หลง เชื่อ สั่ง ยึดที่ดิน นั้น ไว้ ทำให้ จำเลย ไม่ สามารถ ไถ่ถอน หรือ ปลด หนี้ จำนองจำนวน ห้าล้าน บาท เศษ ได้ เป็น เหตุ ให้ จำเลย เสียหาย ที่ ต้อง ชำระค่า ดอกเบี้ย ร้อยละ 20 ต่อปี หรือ วันละ 2,767 บาท จึง ขอ ฟ้องแย้งเรียก ค่าเสียหาย จาก โจทก์ วันละ 2,767 บาท นับแต่ วัน ฟ้องแย้งจนกว่า โจทก์ จะ ถอน การ ยึด โฉนด เลขที่ 92 ของ จำเลย ขอ ให้ พิพากษายกฟ้อง และ บังคับ โจทก์ ตาม ฟ้องแย้ง ของ จำเลย
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง รับ เป็น คำให้การ ของ จำเลย ที่ 1 และ จำเลยที่ 3 แต่ ไม่ รับ ฟ้องแย้ง เพราะ ไม่ เกี่ยวกับ ฟ้อง เดิม
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ปรากฏ ว่า คำฟ้อง ของ โจทก์ เป็น เรื่อง กล่าวหาว่า จำเลย ผิด สัญญา จะ ซื้อ จะ ขาย ขอ เงิน มัดจำ และ เงิน ค่างวด ที่โจทก์ จ่าย ไป แล้ว คืน พร้อม ดอกเบี้ย แต่ ฟ้องแย้ง ของ จำเลย ที่ 1เป็น เรื่อง เรียก ค่าเสียหาย จาก โจทก์ ที่ เกิด จาก การ ที่ศาลชั้นต้น สั่ง ยึด ที่ดิน ของ จำเลย ที่ 1 ไว้ ชั่วคราว ก่อน พิพากษาตาม คำขอ ของ โจทก์ เพราะ ทำ ให้ จำเลย ที่ 1 ไม่ สามารถ ไถ่ถอน หรือปลด หนี้ จำนอง ที่ดิน นั้น ได้ และ ทำ ให้ จำเลย ที่ 1 เสียหาย เท่ากับที่ จะ ต้อง เสีย ดอกเบี้ย ให้ ผู้รับ จำนอง ต่อไป อีก วันละ 2,767บาท นับแต่ วันยึด ศาลฎีกา เห็นว่า มูลหนี้ ตาม ฟ้องแย้ง เกิดจากกระบวน พิจารณา ของ ศาลชั้นต้น ที่ เรียกว่า วิธีการ ชั่วคราว ก่อนพิพากษา เกิดขึ้น ตาม บทบัญญัติ ของ กฎหมาย คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่ง เป็น อีก ขั้นตอน หนึ่ง ต่างหากไป จาก คำฟ้อง เดิม ฟ้องแย้ง ของ จำเลย ที่ 1 จึง เป็น เรื่อง อื่นไม่ เกี่ยวกับ คำฟ้อง เดิม ชอบ ที่ จำเลย ที่ 1 จัก ฟ้อง โจทก์ เป็นคดี ต่างหาก คำพิพากษาฎีกา ที่ 512/2505 ที่ จำเลย ที่ 1 อ้าง วินิจฉัยใน ประเด็น ที่เกี่ยวกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 (1) ซึ่ง เป็น เรื่อง ใน ชั้น บังคับคดี หา ใช่ สั่ง รับ หรือ ไม่ รับฟ้องแย้ง ไม่ รูปคดี ไม่ ตรง กับ คดี นี้ ฎีกา ของ จำเลย ที่ 1 ฟังไม่ ขึ้น
พิพากษา ยืน

Share