แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอม หากคู่ความฝ่ายใดฝายหนึ่งเห็นว่าคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย คู่ความจะต้องใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมดังกล่าวหากเข้าเหตุหนึ่งเหตุใดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่า ใบแต่งทนายความจำเลยระบุข้อความเกี่ยวกับอำนาจของทนายความให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลย เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ โดยมีลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยพร้อมตราประทับของจำเลยถูกต้องตามหนังสือรับรองของจำเลย ทนายความจำเลยย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเต็มที่ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าข้อความที่ตกลงกับโจทก์นั้นเหมาะสม ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทนายความจำเลยไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยทราบก่อนตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้นแม้จำเลยไม่ต้องการตกลงกับโจทก์ ก็เป็นเรื่องทนายความจำเลยกระทำการฝ่าฝืนความประสงค์ของจำเลย หากจำเลยเสียหายอย่างไรก็ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างจ่ายและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานภาค 1 โจทก์และทนายจำเลยแถลงร่วมกันว่า คดีตกลงกันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลแรงงานภาค 1 จึงพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความอ้างว่าการที่ทนายจำเลยคนเดิมได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไปนั้น ไม่ได้เป็นไปโดยความยินยอมหรือความตั้งใจของจำเลย ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่ผูกพันจำเลยประกอบกับโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานแล้วและคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้
ศาลแรงงานภาค 1 มีคำสั่งว่า จำเลยแต่งตั้งนางสาวอานันท์ดา ให้เป็นทนายความโดยมีอำนาจดำเนินการใดไปในทางจำหน่ายสิทธิ รวมทั้งประนีประนอมยอมความด้วย นางสาวอานันท์ดาจึงมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลย กรณีไม่มีเหตุเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรก โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายจำเลยทำกับโจทก์และศาลมีคำพิพากษาตามยอมนั้นไม่ผูกพันจำเลย เนื่องจากทนายจำเลยกระทำไปคลาดเคลื่อนจากเจตนาที่แท้จริงของจำเลย ซึ่งจำเลยหามีเจตนาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ไม่ ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม เห็นว่า ในกรณีที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หากคู่ความฝ่ายใดฝายหนึ่งเห็นว่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย คู่ความจะต้องใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอม หากเข้าเหตุหนึ่งเหตุใดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่า ใบแต่งทนายความจำเลยฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2552 ระบุข้อความเกี่ยวกับอำนาจของทนายความให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลย เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ โดยมีลายมือชื่อของนายนอร์แมน กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยพร้อมตราประทับของจำเลยถูกต้องตามหนังสือรับรองของบริษัทจำเลย ทนายความจำเลยย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเต็มที่ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าข้อความที่ตกลงกับโจทก์นั้นเหมาะสม ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ซึ่งทนายความจำเลยมีอำนาจต่อรองและจะไม่ยอมตกลงก็ได้หากเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทนายความจำเลยไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งให้จำเลยทราบก่อนตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้น แม้จำเลยไม่ต้องการตกลงกับโจทก์ ก็เป็นเรื่องทนายความจำเลยกระทำการฝ่าฝืนความประสงค์ของจำเลย หากจำเลยเสียหายอย่างไรก็ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จำเลยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ว่า ทนายความจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความไม่เป็นไปตามเจตนาของจำเลยจึงไม่ใช่เหตุหนึ่งเหตุใดตามบทบัญญัติของกฎหมายที่จะทำให้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลแรงงานภาค 1 ทั้งไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ที่ศาลแรงงานภาค 1 มีคำสั่งมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน