แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จ. ได้รับความเสียหายจากการที่ ส. จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นแล้วมาจดทะเบียนสมรสซ้อน กับ จ. อีก จ. จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้อัยการเป็นผู้ร้องต่อศาลให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่าง ส. กับ จ. เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 1497 ส.จดทะเบียนสมรสกับจ.ร.มาก่อนตั้งแต่ พ.ศ. 2515ต่อมา ส. จดทะเบียนสมรสซ้อน กับนาง จ. อีก เมื่อวันที่ 22มกราคม 2523 การกระทำของ ส. จึงเป็นการฝ่าฝืน ป.พ.พ.มาตรา 1452 การสมรสครั้งหลังจึงเป็นโมฆะตามมาตรา 1496.
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางจิตติมา ชุ่มจินดา ได้มาแจ้งกับผู้ร้องว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2523 นางจิตติมาได้จดทะเบียนสมรสกับนายสุจินต์ ชุ่มจินดา ระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยากันมีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมา พ.ศ. 2525 นายสุจินต์ได้ทิ้งร้างนางจิตติมาและบุตรไป ไม่เคยเลี้ยงดู ทั้งไม่เคยกลับไปหานางจิตติมาอีกเลยนางจิตติมาได้พยายามตามหาแล้วทราบว่า ก่อนที่นายสุจินต์จะมาจดทะเบียนสมรสกับนางจิตติมานั้น นายสุจินต์จดทะเบียนสมรสกับนางจรัส รูปเลขา อยู่ก่อนแล้ว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2515และยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากัน นางจิตติมาไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายสุจินต์อีกต่อไป ทั้งการสมรสระหว่างนางจิตติมากับนายสุจินต์ผิดบทบัญญัติของกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งว่า การสมรสระหว่างนางจิตติมากับนายสุจินต์เป็นโมฆะ และให้นางจิตติมากับนายสุจินต์หย่าขาดจากกัน
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนแล้วไม่มีผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามคำร้องเป็นการโต้แย้งสิทธิระหว่างคู่สมรส ต้องดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาท จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอคดีนี้หรือไม่ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่านางจิตติมา ชุ่มจินดา ได้รับความเสียหายจากการที่นายสุจินต์ ชุ่มจินดา จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นแล้วมาจดทะเบียนสมรสซ้อนกับนางจิตติมาอีก นางจิตติมาจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้อัยการเป็นผู้ร้องขอต่อศาลเพื่อให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่งนายสุจินต์กับนางจิตติมาเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497 ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอคดีนี้ คดีมีปัญหาต่อไปว่า การสมรสระหว่างนายสุจินต์กับนางจิตติมาเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยไว้ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไป ในประเด็นข้อนี้ข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องนำสืบฟังได้ว่า นายสุจินต์ได้จดทะเบียนสมรสกับนางจรัส รูปเลขา มาก่อนตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ตามเอกสารหมาย ร.4 ต่อมานายสุจินต์ได้จดทะเบียนสมรสซ้อนกับนางจิตติมาอีกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2523 ตามเอกสารหมาย ร.1 การกระทำของนายสุจินต์ดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1452 การสมรสครั้งหลังจึงเป็นโมฆะ ตามมาตรา 1496 ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับเป็นว่า การสมรสระหว่างนายสุจินต์ ชุ่มจินดา กับนางจิตติมา ชุ่มจินดา เป็นโมฆะ.