คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานสอบสวนบันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า จำเลยเป็นผู้ขับรถชนรถโจทก์กับรถของผู้อื่นอีก 2 คัน เสียหายจริง และยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าวทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทั้งรับปากต่อหน้าโจทก์ว่า จะจัดการเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยผ่านผู้รับประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายผ่านผู้รับประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อตกลงที่ยังไม่ปราศจากการโต้แย้งกันอีกจึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะทำให้มูลละเมิดระงับไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์กระบะออกจากที่จอดรถแห่งเดียวกันกับที่รถยนต์ของโจทก์จอดอยู่ โดยไม่ระมัดระวังและด้วยความเร็วพุ่ง ชนรถโจทก์และรถยนต์อีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านซ้ายของรถโจทก์เสียหาย โจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยทำบันทึกไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย โดยจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แต่แล้วก็ไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดดังกล่าวแก่โจทก์ รวม 100,540 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เหตุเกิดจากมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็วสูงตัดหน้ารถจำเลย มิใช่ความประมาทของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะมูลละเมิดในคดี นี้ได้ระงับสิ้นไปแล้วตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852ทั้งค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินความจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 80,540 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏใจความในสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.4 ว่า ในขณะที่ร้อยตำรวจตรีดาวเรืองตรวจสถานที่เกิดเหตุนั้น จำเลยได้แจ้งว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถคันหมายเลขทะเบียน 5บ – 6510 กรุงเทพมหานคร ซึ่ง มีประกันภัยไว้กับบริษัทพิพัทธ์ประกันภัย จำกัด ชนรถโจทก์ หมายเลขทะเบียน ก – 2491ขอนแก่น กับรถยนต์ของผู้อื่นอีก 2 คัน เสียหายจริง และยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าวทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทั้งรับปากต่อหน้าโจทก์ว่า จะจัดการเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นโดยผ่านผู้รับประกันภัยที่เกี่ยวข้อง เห็นว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียวยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายผ่านผู้รับประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อตกลงที่ยังไม่ปราศจากการโต้แย้งกันอีก จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะทำให้มูลละเมิดระงับไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ขอให้จำเลยรับผิดในหนี้อันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยได้อยู่ ไม่ได้จำกัดเฉพาะค่าซ่อมรถโจทก์เพียงอย่างเดียว ดังที่จำเลยฎีกาไม่
พิพากษายืน.

Share