คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในสัญญาเช่าไม่มีข้อตกลงให้ผู้ให้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้บุคคลอื่นในกรณีผู้เช่าตาย เมื่อผู้เช่าตาย สิทธิการเช่าอันเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าซึ่งมีอยู่ชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 537 ก็ระงับไป ไม่เป็นทรัพย์สินที่ตกทอดกันทางมรดก ผู้เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทย่อมมีสิทธิที่จะใช้ดุลพินิจให้ผู้ใดเช่าต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของนายไถ่ นายไถ่กับโจทก์เช่าตึกแถวเลขที่ ฒ.๑๕๗/๑ จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นายไถ่ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลย นายบุญถิ่นและนายชูศักดิ์ครึ่งหนึ่ง เมื่อนายไถ่ตาย โจทก์จำเลยและทายาทอื่นเจตนาจะเช่าตึกแถวร่วมกันต่อไป แต่ปรากฏว่าจำเลยแต่ผู้เดียวไปขอเช่าและไม่ยอมให้โจทก์กับทายาทอื่นเช่า สิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวเป็นมรดกของนายไถ่ มีราคาประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้พิพากษาว่าโจทก์จำเลยมีสิทธิการเช่าร่วมกัน หากตกลงเช่าร่วมกันไม่ได้ให้นำสิทธิการเช่าออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง
จำเลยให้การว่าสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกเจ้าหน้าที่ยอมให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าได้มีข้อตกลงกันในสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าโอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดในกรณีที่นายไถ่ผู้เช่าตายลง เมื่อนายไถ่ผู้เช่าเดิมตาย สิทธิการเช่าอันเป็นสิทธิเฉพาะตัวของนายไถ่ผู้เช่าซึ่งมีอยู่ชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๗ ก็ระงับไปไม่เป็นทรัพย์สินที่ตกทอดกันทางมรดก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหาษัตริย์ผู้เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทย่อมมีสิทธิที่จะใช้ดุลพินิจให้ผู้ใดเช่าต่อไปก็ได้ โจทก์จะอ้างว่าเป็นทายาทนายไถ่และเรียกร้องให้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน

Share