คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนไม่ทันภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องไว้ 3 คราว แต่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและขอให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อน ครบกำหนดผัดฟ้องครั้งที่ 3 และศาลได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปแล้ว โดยมิได้ขอผัดฟ้องต่อไปอีก กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าคดีนี้พ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 24 ทวิแล้ว และไม่ว่ากรณีพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ก็ต้องอยู่ในบังคับของมาตรา 24 ทวิทั้งสิ้น จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 มาใช้บังคับไม่ได้ ซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีได้จักต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตามมาตรา 24 จัตวา

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ยื่นฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ (๑) ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวว่า จำเลยถูกจับวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๐ ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันจับถึงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๐ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอผัดฟ้องไว้แล้วตามคำร้องที่ ผ.๒๑/๒๕๒๑ แต่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงขอปล่อยตัวจำเลยไป โจทก์มีคำสั่งฟ้องจึงได้ส่งตัวจำเลยมาศาลพร้อมฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตฟ้องคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามรายงานเจ้าหน้าที่ไม่ปรากฏว่าได้มีการขอผัดฟ้อง ฟ้องโจทก์ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๒๔ ทวิ และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๒๔ จัตวา จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลอนุญาตให้พนักงานสอบสวนผัดฟ้องถึง ๓ ครั้ง ต่อมาพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้องจึงขอให้ศาลปล่อยตัวไป ครั้นโจทก์สั่งฟ้องจึงได้จัดการให้ได้ตัวจำเลยมาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔๑ โดยไม่ขออนุญาตฟ้องคดีต่ออธิบดีกรมอัยการ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกจับเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๐ พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอผัดฟ้องคดีนี้ติดต่อกันมา ๓ ครั้ง ครบกำหนดผัดฟ้องครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ก่อนครบกำหนดผัดฟ้องครั้งที่ ๓ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงขอให้ศาลปล่อยตัวจำเลยไปเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนมิได้ขอผัดฟ้องจำเลยอีก แต่พนักงานอัยการโจทก์มีความเห็นสั่งฟ้อง จึงยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๒๑ แล้ววินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๒๔ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ มาตรา ๘ กำหนดระยะเวลายื่นฟ้องคดีเด็กและเยาวชนไว้ดังนี้คือ เมื่อมีการจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดแล้ว พนักงานอัยการจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนให้ทันภายในกำหนด ๓๐ วันนับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นถูกจับกุม ในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาให้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ก็ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกคราวละไม่เกิน ๑๕ วัน แต่ต้องไม่เกิน ๒ คราว เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องครบสองคราวแล้ว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยังมีสิทธิขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกถ้ามีเหตุจำเป็นโดยนำพยานมาเบิกความประกอบจนเป็นที่พอใจแก่ศาลและศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องต่อไปได้อีกคราวละไม่เกิน ๑๕ วัน แต่ต้องไม่เกิน ๒ คราว เว้นแต่คดีอาญาซึ่งมีอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นศาลจะสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องกี่คราวก็ได้ ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าพนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ไม่ทันภายในกำหนดเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องไว้ถึง ๓ คราวถึงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ แต่พนักงานสอบสวยขอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ อ้างว่าสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ต่อจากนั้นพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่ได้ขอผัดฟ้องต่อไปอีก กรณีนี้ต้องถือว่าคดีนี้พ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๔ ทวิแล้ว และไม่ว่ากรณีพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาก็ต้องอยู่ในบังคับของมาตรา ๒๔ ทวิทั้งสิ้น จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔๑ มาใช้บังคับหาได้ไม่ โจทก์จะฟ้องคดีได้จักต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา ๒๔ จัตวา แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ มาตรา ๘ เมื่อโจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share