แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ กรณีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อกฎหมายว่า เอกสาร ล.1แผ่นที่ 2 ที่ร้อยตำรวจเอกบรรหารฯ ทำขึ้นโดยไม่มีหน้าที่และข้อความขัดกับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการรับมอบรถที่ซ่อมจากร้านของโจทก์ เป็นเอกสารที่ศาลอุทธรณ์ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาและพิพากษายกฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์นั้น เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกาว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล
พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 19)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 20)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13ได้บัญญัติห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คดีโจทก์จึงต้องห้ามฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์