แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์จำเลยพิพาทไม่เกิน 200,000 บาทห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 27,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลย จะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 46)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง และเงินที่จะต้องชำระตาม คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มาวางภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2536 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำเงินมาวางศาลออกไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง (อันดับ 47,48 และ 49)
คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ประกอบด้วยมาตรา 247 ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย