แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยที่ 2ยื่นฎีกาพ้นกำหนดระยะเวลาที่อนุญาตให้ขยาย ไม่รับฎีกาของ จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า จำเลยที่ 2 ได้เซ็นทราบคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกา 20 วัน จากเจ้าหน้าที่เรือนจำเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2538 จำเลยที่ 2 เข้าใจว่าระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายนั้นให้นับต่อจากวันที่จำเลยที่ 2 ทราบคำสั่งศาลดังนั้นวันสุดท้ายที่จะยื่นฎีกาได้คือวันที่ 30 มกราคม 2538 เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาในวันที่27 มกราคม 2538 จึงยังไม่พ้นกำหนด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,83 ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษ ให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 52(1) คงจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ฯลฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา (อันดับ 81) จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 85 แผ่นที่ 2) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)
คำสั่ง การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จะมีผลผูกพันให้ผู้ขอต้องดำเนินกระบวนพิจารณาภายในกำหนดเวลาที่ขยายเมื่อผู้ขอได้ทราบคำสั่งนั้นก่อนสิ้นกำหนดเวลาที่ขยายออกไป เมื่อกำหนดเวลายื่นฎีกาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายออกไป สิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคม 2537 แต่จำเลยที่ 2 ทราบคำสั่ง ในวันที่ 11 มกราคม 2538 อันเป็นเวลาภายหลังสิ้นกำหนด ยื่นฎีกาแล้ว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องผูกพันต้องยื่นฎีกาภายในเวลาที่ขยายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงต้องถือว่า ระยะเวลาที่ขยายเริ่มนับตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 2 ทราบคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 20 วัน ระยะเวลาฎีกาจึงสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2538 จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาวันที่ 27 มกราคม 2538 จึงยังไม่พ้นกำหนด ที่ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้ และให้ดำเนินการต่อไป