คำสั่งคำร้องที่ 937/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยาน หลักฐานของศาลอุทธรณ์ อันเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2มีความผิดฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357วรรคแรก จำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 6 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 83)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรกให้จำคุก 2 ปีลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2ฎีกาในดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานว่า ไม่สมควรนำคำเบิกความของพยานบอกเล่ากับพนักงานสอบสวนมาฟังลงโทษจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share