แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยทั้งอุทธรณ์คำสั่งและอุทธรณ์คำพิพากษาของจำเลยแล้วดังนั้นฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์นำเอาอุทธรณ์ ฉบับที่นายอร่าม เทียนวงศ์ ทนายความคนเดิมมาวินิจฉัยทั้งที่มีอุทธรณ์ฉบับที่จำเลยยื่นไว้ด้วยตนเองอยู่แล้วนั้น จึงเป็นการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ที่นอกเหนือจากเจตนาของจำเลย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 110)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1578 เลขที่ 13เล่ม 16 ข.หน้า 28 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 92)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยเสียค่าธรรมเนียมศาลมา 200 บาท (อันดับ 93)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าในชั้นอุทธรณ์ทนาย ของจำเลยคนก่อนได้ยื่นอุทธรณ์ฉบับหนึ่งและจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์อีกฉบับหนึ่งแทนที่ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกเอาอุทธรณ์ฉบับที่จำเลยยื่นขึ้นมาวินิจฉัย แต่กลับไปวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับที่ทนายจำเลยคนก่อนยื่นซึ่งเป็นอุทธรณ์ที่นอกเหนือจากเจตนาของจำเลยทำให้จำเลยแพ้คดีจึงเป็นการมิชอบและขัดต่อกฎหมายนั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาโดยฟังข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ววินิจฉัยไปตามรูปคดี หาได้หยิบยกเอาอุทธรณ์ ของจำเลยฉบับใดฉบับหนึ่งโดยเฉพาะมาวินิจฉัยไม่ดังนั้นแม้ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อกฎหมายก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรให้การรับวินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ส่วนที่ชำระเกินมา160 บาท ให้คืนไป