แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากจำเลยได้ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 318/2544 ผู้ร้องจึงขอเข้าดำเนินคดีแทนจำเลย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 และ 25
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 93)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 2,478,680.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ดอกเบี้ยคิดจนถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 23 กรกฎาคม2539) ต้องไม่เกิน 312,201.70 บาท ตามที่โจทก์ขอมา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา (อันดับ 74)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 93)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 22 บัญญัติว่า เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจ (1) จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ ฯลฯ (3)ประนีประนอมยอมความหรือฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้และมาตรา 25 บัญญัติว่า ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ดังนั้น จึงอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าดำเนินคดีเรื่องนี้แทนจำเลย (ลูกหนี้) ต่อไปตามคำร้อง