แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฟังได้ว่าจำเลยมีสัญญาเช่าช่วงทำเหมืองกับโจทก์แต่โจทก์อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาและได้บอกเลิกสัญญาแล้วซึ่งจำเลยขอปฏิเสธว่า โจทก์ไม่เคยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาให้จำเลยทราบจำเลยมิได้ผิดสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิตามสัญญาเช่าช่วงอยู่โดยสิทธิในการเข้าดำเนินการทำเหมืองเป็นสิทธิของจำเลยตามสัญญาโจทก์หามีสิทธิเข้าดำเนินการทำเหมืองไม่ การที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาและฟ้องคดีนี้กับจำเลยเพราะโจทก์มีเจตนาไม่สุจริตเพื่อกลั่นแกล้งจำเลยและเพื่อเข้าดำเนินการทำเหมืองเสียเอง และโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเข้าดำเนินการทำเหมืองมาโดยตลอดจนถึงขณะนี้ซึ่งโจทก์ได้รับผลประโยชน์จากการเข้าดำเนินการทำเหมืองตลอดเวลา เพื่อบรรเทาความเสียหายแก่จำเลย โปรดมีคำสั่งให้โจทก์หยุดดำเนินการทำเหมืองไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 106)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนประทานบัตรเลขที่ 20720/12487หนังสืออนุญาตให้เปิดเหมืองและหนังสือให้เข้าทำประโยชน์รวม3 ฉบับแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา (อันดับ 98)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 105)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยให้การในฐานะจำเลย มิได้ฟ้องแย้งว่าจะให้โจทก์ปฏิบัติต่อจำเลยอย่างไร จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะที่มีอำนาจบังคับให้โจทก์กระทำการใด ๆ หรืองดเว้นกระทำการใด ๆตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ได้จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ