คำสั่งคำร้องที่ 91/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหา ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องเท่านั้น และไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองจึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายและเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าว หากศาลเห็นเองก็สามารถยกขึ้น วินิจฉัยได้ทุกชั้นศาล และการที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้นก็เพราะจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยจึงสามารถยกข้อต่อสู้ดังกล่าวในฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และผู้ร้องสอดยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างพิจารณานางสาวสุภีบุตดีงาม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท ตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาทกลาง พร้อมกับชำระเงินจำนวน 600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และห้ามมิให้ผู้ร้องสอดเข้า ครอบครองบริเวณที่พิพาทอีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยและผู้ร้องสอดต่างฎีกา เฉพาะฎีกาของจำเลยศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 114,117)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 122)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำหลักฐานสัญญาเช่าที่ดินระหว่างจำเลยกับนายสม อนุสา มาฟ้องโดยที่โจทก์มิได้มีหนังสือมอบอำนาจให้นายสม อนุสา นำที่ดินพิพาทออกให้เช่าจึงเท่ากับจำเลยไม่เคยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์ โจทก์มิใช่ผู้ให้เช่าโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้ให้เช่า เห็นว่าฎีกาของจำเลยดังกล่าวแม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share