แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามพยานหลักฐานโจทก์ซึ่งฟังเป็นยุติจากข้อเท็จจริงสู่ปัญหาข้อกฎหมายนั้น การกระทำของจำเลยจะมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 และ 177 หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172, 177, 91, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 64)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 65)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว สำหรับฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ชัดเจนว่าการกระทำของจำเลยมีมูลความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ส่วนฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขแล้วศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วยกคำร้อง