แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ที่แก้ไขแล้ว จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมี คำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4),157 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 6 เดือน ได้พิเคราะห์รายงานสืบเสาะขอเท็จจริงแล้วเห็นว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์ย้อนศรและตัดหน้ารถยนต์ โดยสารประจำทางกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย อย่างกระชั้นชิด เป็นการกระทำโดยประมาทอย่างมากประกอบกับ จำเลยเคยกระทำผิดเกี่ยวกับการขับรถผิดการจราจรหลายครั้ง กลับมากระทำผิดคดีนี้อีก แสดงว่าจำเลยไม่เข็ดหลาบเป็นเหตุ ให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส แม้จำเลยจะชดใช้ค่าเสียหาย ก็เป็นจำนวนเพียงเล็กน้อย ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิที่จะฟ้อง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งได้อยู่แล้ว กรณีจึง ไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 72)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 74)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี แม้จะรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียง ดุลยพินิจที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษให้ จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชั้นต้น ไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง