แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้เป็นคดี มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่ ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดิน พิพาทเกินกว่า 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครอง ฟ้องของโจทก์ จึงขาดอายุความ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ หมายโจทก์ ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 45)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมด้วยบริวารออกจาก ที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 4723 ตำบลดวนใหญ่กิ่งอำเภอวังหินจังหวัดศรีษะเกษ แล้วส่งมอบที่ดินพิพาทดังกล่าวคืนให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 44 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 45)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยปลูกบ้านอยู่อาศํย จำเลยให้การว่าเป็นของจำเลย รับมรดกบิดามารดามาและปลูกบ้านอยู่ตั้งแต่ปี 2529ฟ้องเกิน 1 ปี ต้องห้ามตามกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัย ข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นเจ้าของให้จำเลยอยู่อาศัยเป็นการ ครอบครองแทนโจทก์ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงอีกว่าจำเลยได้แสดง เจตนาการครอบครองนับแต่วันที่เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัด เพื่อจดทะเบียนโอนตามข้อตกลงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 877/2530 ของศาลชั้นต้นแล้ว ฟ้องโจทก์ เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามนั้น เห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง