คำสั่งคำร้องที่ 832/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ประทับฟ้อง โจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาด้วย ดังนี้ ย่อมมีผลว่า คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มีมูล จึงเป็นอันเด็ดขาดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170จำเลยที่ 2 จะฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 2ไม่มีมูล ให้ยก โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ประทับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ยื่นคำร้องฎีกาคำสั่งไม่รับฎีกา

ศาลฎีกาสั่งว่า “ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 170 บัญญัติให้ผลของคำสั่งศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ให้คดีมีมูลเป็นอันเด็ดขาด คงให้โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาเฉพาะคำสั่งที่ว่าคดีไม่มีมูลเท่านั้น ฉะนั้น ในกรณีคดีนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประทับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2อันย่อมมีผลว่าคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มีมูล จึงย่อมอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติดังกล่าวที่ให้คำสั่งศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องของ จำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”

Share