คำสั่งคำร้องที่ 807/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยเหตุว่าอุทธรณ์ของจำเลยยื่นล่วงเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 นั้นมิใช่ด้วยเหตุเนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์อันจะเป็นที่สุดตามมาตรา 236 จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนภารจำยอมถนนคอนกรีตทางพิพาทกว้าง 2 เมตร ยาว 24 เมตร ซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 11243 แขวงบางปะแก้ว (บางปะแก้วนอก)เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ของจำเลยแก่ที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 40597 แขวงบางปะแก้ว เขตราษฎร์บูรณะกรุงเทพมหานคร โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย หากจำเลยที่ 1ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยที่ 1ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเปิดรั้วสังกะสีและสิ่งกีดขวางออกจากด้านหลังตึกแถวเลขที่ 724/4 ของโจทก์โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 11,400 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 มิถุนายน 2534) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะร่วมกันชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายวันละ 100 บาท แก่โจทก์นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะเปิดแนวรั้วสังกะสีและสิ่งกีดขวางด้านหลังตึกแถวของโจทก์ออกไป
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วันศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ (วันที่ 28 กันยายน 2536)ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2536 จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอนุญาตให้จำเลยทั้งสองขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ 28 กันยายน 2536 จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์อ้างว่า จำเลยทั้งสองอ่านลายมือศาลแล้วเข้าใจผิดไปจากข้อความที่ศาลสั่ง โดยเข้าใจว่าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายเวลาการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน โดยมิได้ระบุว่าขอให้นับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์หรือนับแต่วันใด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 15 วันนับแต่วันมีคำสั่งโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกับที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจเถียงว่าตนเองเข้าใจว่าศาลชั้นต้นสั่งให้ขยายไป 15 วันนับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์และที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าอ่านลายมือเขียนของศาลชั้นต้นไม่ออกก็ไม่น่าเชื่อถือเพราะศาลชั้นต้นเขียนคำสั่งไว้ชัดเจนพออ่านออกได้ทั้งหมดอยู่แล้วเมื่อจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์พ้นกำหนดเวลาที่ขยายให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงชอบแล้ว
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย โดยเหตุว่าอุทธรณ์ของจำเลยยื่นล่วงเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลย อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มิใช่ด้วยเหตุเนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์อันจะเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้ตามนัยคำสั่งศาลฎีกา คำร้องที่ 2603/2534 ให้รับฎีกาของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป”

Share